อำนาจนำใหม่ของกองทัพไทย
Posted: 01 May 2016 11:27 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
จากบทสัมภาษณ์ของประจักษ์ ก้องกีรติ ในประชาไท เกี่ยวกับ กองทัพไทย(คสช./ผู้เขียน) ที่พยายามสถาปนาระเบียบการเมื องใหม่ (new political order) (รัฐธรรมนูญ/ผู้เขียน) เพื่อนำไปสู่การสถาปนา “อำนาจนำใหม่” ของกองทัพ (hegemonic ruler) (ประจักษ์ ก้องกีรติ,2559) และยังกล่าวด้วยความกังวลว่า ประเทศไทยคงอยู่ภายใต้ระเบี ยบการเมืองใหม่ และอำนาจนำใหม่นี้อีกนาน ทำให้ผู้เขียนอยากหันกลั บไปมองการเปลี่ยนแปลงระเบี ยบการเมืองตลอดจนผู้ ครองอำนาจนำในอดีตของไทยเพื่ อนำกลับมาสังเกตปรากฏการณ์ ทางการเมืองไทยปัจจุบันร่วมกัน
การเปลี่ยนแปลงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทำการเปลี่ยนแปลงรั ฐสยามจากรัฐจารีตเป็นรัฐสมั ยใหม่(รัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์) ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ ยนแปลงระเบียบทางการเมืองใหม่ และส่งผลให้รัชกาลที่ 5 ทรงครองอำนาจนำสยาม ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งอำนาจเป็ นองค์รัฐฏาธิปัตย์โดยสมบูรณ์ ส่วนกระบวนการเปลี่ยนแปลงระเบี ยบทางการเมืองใหม่นี้ ประสบความสำเร็จลงได้โดยไตรภาคี อำนาจขณะนั้น คือกลุ่มพลังสังคมภายใน ได้แก่กษัตริย์ (รัชกาลที่ 5) และ ขุนนาง(บุนนาค) และพลังภายนอกคือทุนนิยมโลกอั งกฤษ (ศักดิภัท เชาวน์ลักษณ์สกุล,การสร้างรัฐ – ชาติสยามกับการควบรวมนครรัฐในล้ านนา สมัยรัชกาลที่ 5,2557) ซึ่งกุลลดา เกษบุญชู มี๊ด ได้สรุปเรื่องวิวัฒนาการรัฐไว้ อย่างน่าฟังว่า “พลังที่มีบทบาทสำคัญที่สุ ดในกระบวนการเปลี่ยนแปลงวิวั ฒนาการรัฐจากรัฐจารีตหรือรั ฐโบราณมาเป็นรัฐสมบูรณาญาสิทธิ ราชย์ ทั้งในยุโรปและสยามคือพลั งของระบบเศรษฐกิจโลกหรือระบบทุ นนิยมโลก ซึ่งก่อให้เกิดเศรษฐกิจเงิ นตราและการเกิดเมืองขึ้นมาคู่ ขนานกับระบบฟิวดัล และทำให้เกิดการเปลี่ ยนแปลงทางสังคมตามมา นั่นคือการเกิดขึ้นของชนชั้ นกลางหรือกระฎุมพี รวมทั้งการเกิดขึ้นของสถาบั นทางการเมืองใหม่ๆ เพื่อมารองรับการขยายตั วทางเศรษฐกิจ อันเป็นฐานรองรับสำคัญให้กั บสถาบันกษัตริย์ในการรวมศูนย์ อำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง ในกรณีของสยามคือทุนนิยมอังกฤษ ที่สยามได้เชื่อมต่อกับทุนนิ ยมโลกอังกฤษไว้ตั้งแต่สนธิสั ญญาเบาริ่ง และมีบทบาทในกระบวนการสร้างรั ฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของสยาม (Kullada Kesboonchoo Mead, The Rise and Decline of Thai Absolutism,2004)
การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ของคณะราษฎร์ ก็คงหลีกหนีไม่พ้นไตรภาคีอำนาจ พลังทางสังคม กลุ่มต่างๆอันได้แก่ สถาบันกษัตริย์ ขุนนาง ข้าราชการ ชนชั้นกลาง ซึ่งแต่เดิมในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมาได้เป็นพันธมิ ตรทางการเมืองที่สำคัญ ต่อมาพลังทางสังคมเดิมเหล่านี้ ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรที่สำคั ญของกษัตริย์ แต่ต่อมาได้เป็นพลังสำคั ญในการต่อต้านและล้มสถาบันกษั ตริย์ในการอภิวัฒน์สยาม พ.ศ. 2475 อันเนื่องจากความขัดแย้งเชิ งโครงสร้างภายในระบบสมบูรณาญาสิ ทธิราชย์ และข้าราชการซึ่งถือว่าเป็นชนชั ้นกลางใหม่ อันเป็นผลผลิตของระบบการศึ กษาสมัยใหม่ ที่รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างขึ้นมาคานอำนาจกับขุ นนางสมัยนั้นและให้เป็นปั ญญาชนจัดตั้งอันเป็นฐานรองรั บสถาบันกษัตริย์ และกลับกลายเป็นพลังสำคัญที่โค่ นล้มรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ลง (จิตติภัทร พูนขำ,วารสารสังคมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีที่ 43 ฉบับที่ 2 (ก.ค. – ธ.ค.2556),2556,หน้า 48) ส่วนพลังภายนอกหรือระบบทุนนิ ยมโลกขณะนั้นก็อยู่ภายใต้ กระแสความคิดเสรีประชาธิปไตย ดังนั้นภาคีอำนาจที่สำคัญขณะนั้ นก็คือพลังอำนาจภายนอกหรื อระบบโครงสร้างอำนาจโลกนั่นเอง
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยสู ่ยุคพ่อขุนอุปถัมภ์ สมัยจอมพลสฤษดิ์ ถนอม ขณะนั้นศูนย์กลางอำนาจโลกหรือทุ นนิยมโลกได้เปลี่ยนมือเป็นสหรั ฐอเมริกา ถือได้ว่าเป็นพลังภายนอกหรื อภาคีอำนาจที่สำคัญของไทยขณะนั้ น และมีส่วนสำคัญในการผลักดันพลั งภายในคือทหาร เทคโนแครต และสถาบันกษัตริย์กลายเป็นพั นธมิตรที่สำคัญซึ่งกันและกัน จนสามารถ ครองอำนาจนำทางการเมืองไทยได้ สำเร็จ สหรัฐอเมริกาได้ใช้วาทกรรม” การพัฒนา” (กุลลดา เกษบุญชู มี๊ด,การเมืองไทยยุคสฤษดิ์ ถนอม ภายใต้โครงสร้างอำนาจโลก,2550) และสนับสนุนทุนอุตสาหกรรมกับอุ ดมการณ์เสรีนิยมประชาธิปไตย ถือได้ว่าสหรัฐอเมริกาทุนนิ ยมโลกขณะนั้น ได้ให้การสนับสนุนทั้ งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแก่ ไทย และได้มีส่วนเข้ามาสนับสนุ นการเปลี่ยนแปลงทางการเมื องไทยมาโดยตลอดตั้งแต่นั้นเป็ นต้นมา
การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไทยสมัย 14 ตุลาคม 2516 จากการที่พลังภายนอกหรือทุนนิ ยมโลกสหรัฐอเมริกาได้มีบทบาทต่ อการเมืองไทยมาโดยตลอดสิ่งหนึ่ งที่ให้กับสังคมไทยคืออุดมการณ์ เสรีนิยมประชาธิปไตย สิ่งนี้แหละที่ทำให้เกิดพลังสั งคมใหม่ขึ้นคือ พลังของนิสิตนักศึกษาหรือพลั งประชาธิปไตย ในยุคนั้นจึงเป็นการขัดแย้ งระหว่างพลังภายในระหว่างทหารที ่ครองอำนาจนำ กับพลังนิสิตนักศึกษาหรือพลั งประชาธิปไตยบวกกับพลังอนุรักษ์ โดยการเห็นชอบสนับสนุนจากพลั งภายนอกคือทุนนิยมโลกสหรัฐ และต่อมาพลังภายนอก และพลังภายในทหารและกลุ่มอนุรั กษ์ได้โค่นล้มพลังนิสิตนักศึ กษาอีกครั้งในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยยุ คทักษิณ ก็ยังหนีไม่พ้นพลังภายในคือกลุ่ มทหาร และชนชั้นกลาง กลุ่มพลังอนุรักษ์ และเชื่อว่าได้รับการสนับสนุ นจากพลังภายนอกหรือทุนนิ ยมโลกสหรัฐอเมริกา แต่ในครั้งนี้ถึงแม้ฝ่ายทักษิ ณจะพ่ายแพ้ในพื้นที่สังคมการเมื อง(Political Society) แต่ในพื้นที่ประชาสังคม(Civil Society) ก็ยังครอบครองพื้นที่ได้ ดังนั้นเมื่อมีการจัดระเบี ยบการเมืองใหม่หรือรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 และเมื่อมีจัดการเลือกตั้งอี กครั้งพรรคพลังประชาชน อันเป็นพรรคกลายพันธุ์ จากพรรคไทยรักไทยก็ยังชนะการเลื อกตั้ง และถึงแม้ว่าฝ่ายพลังอนุรักษ์ และกลุ่มทหาร จะใช้วิธีการตุลาการภิวัฒน์ และสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลอภิ สิทธิ์ ขึ้นมาได้ แต่เมื่อมีการเลือกตั้งอีกครั้ งพรรคเพื่อไทย พรรคที่กลายร่างจากพรรคพลั งประชาชน ก็ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย อันเป็นการพิสูจน์ได้ดีว่ าพรรคเชื้อสายของทักษิณ ก็ยังสามารถครอบครองพื้นที่ ประชาสังคมไทยได้ จนสามารถชนะการเลือกตั้งเข้ าครอบครองพื้นที่สังคมการเมือง อันหมายถึงครอบครองรัฐได้อีกครั ้ง กลุ่มพลังอนุรักษ์ ตุลาการ ทหาร ได้ใช้ปัญญาชนจัดตั้งคือกลุ่ม กปปส.ออกมาคัดค้านรัฐบาลเพื่ อไทย เพื่อครอบงำพื้นที่ประชาสังคม แต่รัฐบาลพรรคเพื่ อไทยโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ทำการยุบสภาเพื่อจัดการเลื อกตั้งใหม่ เพราะเชื่อมั่นในการครองงำพื้ นที่ประชาสังคม แต่กลุ่มพลังอนุรักษ์ได้ใช้กำลั งทหาร(คสช.)ทำการรัฐประหารยึดพื ้นที่สังคมการเมืองเสียก่อน อันเป็นที่มาของรัฐบาลทหารประยุ ทธ์ จันทร์โอชาและขณะนี้ได้ พยายามสร้างระเบียบการเมืองใหม่ หรือรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมา และกำลังจะสร้างความชอบธรรมให้ กับรัฐธรรมนูญนี้ผ่ านการประชามติ เพื่อนำไปสู่การสร้างรัฐบาลใหม่ ที่ประจักษ์ ก้องกีรติเรียกว่า “อำนาจนำใหม่ของกองทัพไทย” และกังวลว่าคนไทยอาจจะต้องตกอยู ่ภายใต้อำนาจนำนี้อีกนาน
จากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที ่ผ่านมาข้างต้น ไตรภาคีอำนาจที่สำคัญ พลังภายใน ต่างๆ กลุ่มอนุรักษ์ กลุ่มทหาร กลุ่มชนชั้นนำ กลุ่มชนชั้นกลาง กลุ่มพลังประชาชนต่างๆ และพลังภายนอก อันหมายถึงผู้นำทุนนิยมโลก อันมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ในอดีตยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือรัฐบาลทหารจอมพลสฤษดิ์ ถนอม หรือแม้แต่ยุคประชาธิปไตยครึ่ งใบของพลเอกเปรม จะสามารถครองอำนาจนำได้อย่ างยาวนาน ก็มักจะได้รับการสนับสนุนจากพลั งภายนอกคือทุนนิยมโลก แต่รัฐบาลทหารปัจจุบันดูเหมื อนว่าจะไม่ได้รับการสนับสนุ นจากพลังภายนอกโดยเฉพาะอย่างยิ่ งผู้นำทุนนิยมโลกอย่างสหรั ฐอเมริกา นอกจากนี้พลังภายในในส่วนของพลั งประชาชน ที่อยู่ในพื้นที่ประชาสังคม ในขณะปัจจุบันก็ไม่น่าเชื่อว่ ารัฐบาลทหารจะสามารถยึดครองได้ แม้ว่าขณะนี้จะยึดครองพื้นที่สั งคมการเมืองอยู่ หากจะนำโมเดลของรั ฐบาลทหารของพม่าในอดีตมาเป็นตั วแบบว่า รัฐบาลทหารของเขายังสามารถยึ ดครองอำนาจนำได้อย่างยาวนาน ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลทหารพม่าแต่ เดิมดำเนินการภายใต้ระบบสังคมนิ ยม และมีพลังภายนอกที่สนับสนุนก็คื อผู้นำค่ายคอมมิวนิสต์ทั้งโซเวี ยตและจีนสนับสนุนอยู่ แต่ปัจจุบันโลกคอมมิวนิสต์เกื อบจะล่มสลายแล้ว ถึงแม้จีนจะยังยืนหยัดระบบคอมมิ วนิสต์อยู่ แต่ก็เปิดรับระบบทุนนิยมเป็ นประเทศสองระบบและกลายเป็นรั ฐตลาด ดังนั้นพลังภายนอกที่สำคั ญของไทยก็ยังเป็นผู้นำทุนนิ ยมโลกสหรัฐอเมริกาอยู่เช่นเดิม หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ถึงแม้ จะจัดระเบียบทางการเมืองใหม่หรื อรัฐธรรมนูญใหม่ จะผ่านประชามติ หรือไม่ผ่านประชามติหรือไม่มี การประชามติ แต่จะพยายามนำรัฐธรรมนูญใหม่ มาบังคับใช้เป็นระเบียบการเมื องใหม่ โดยวางเป้าหมายสำหรั บอำนาจนำใหม่ของกองทัพไทย หรือ คสช. สำหรับผู้เขียนเห็นว่าเป็นเรื่ องยากอย่างยิ่งต่ อการครองอำนาจนำอย่ างยาวนานของกองทัพ เพราะรัฐบาลใหม่ภายใต้ระเบี ยบการเมืองใหม่ จะต้องเผชิญกับปัญญาชนจัดตั้ง ที่จะพยายามเข้ามายึดพื้นที่ ประชาสังคม อุดมการณ์ อันเป็น War of Movement เพื่อต้องการครองอำนาจนำ( Hegemony) อันจะนำไปสู่ War of Position เพื่อเข้ายึดพื้นที่สังคมการเมื องเพื่อใช้กลไกอำนาจนำในที่สุด และที่สำคัญปัญญาชนจัดตั้งดั งกล่าวจะได้รับการสนับสนุ นจากพลังภายนอก ซึ่งขณะปัจจุบันก็เริ่ มจะพอมองเห็นถึงแรงกดดั นจากภายนอกทั้งด้านการเมื องและเศรษฐกิจ และหากอำนาจนำใหม่จากกองทัพเป็ นจริง เชื่อว่ากลุ่มพลั งภายในโดยเฉพาะกลุ่มทุนนิ ยมภายใน กลุ่มชนชั้นกลางและชนชั้นนำก็ จะต้องได้รับผลกระทบจากแรงบี บจากพลังภายนอกหรือทุนนิยมโลก อำนาจนำใหม่จากกองทัพก็ยากที่ จะดำรงอยู่อย่างยาวนานตามที่ฝัน เพราะการแย่งชิงพื้นที่ประชาสั งคมอันเป็นพื้นที่สังคมอุ ดมการณ์นั้นจะต้องเกิดจากการยิ นยอมพร้อมใจมิใช่ความกลัว.
การเปลี่ยนแปลงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทำการเปลี่ยนแปลงรั
การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ของคณะราษฎร์ ก็คงหลีกหนีไม่พ้นไตรภาคีอำนาจ พลังทางสังคม กลุ่มต่างๆอันได้แก่ สถาบันกษัตริย์ ขุนนาง ข้าราชการ ชนชั้นกลาง ซึ่งแต่เดิมในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมาได้เป็นพันธมิ
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยสู
การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไทยสมัย 14 ตุลาคม 2516 จากการที่พลังภายนอกหรือทุนนิ
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยยุ
จากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น