0
นักกฎหมายสากลชี้คำพิพากษาพรุ่งนี้ คดีปะทะเหมืองแร่ จ.เลย ทดสอบสิทธิของนักปกป้องสิทธิฯ
Posted: 30 May 2016 01:00 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากลและโพรเท็คชันฯ ออแถลงการณ์ร่วม ชี้คำพิพากษาพรุ่งนี้คดีอดีทหารนำกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้ายร่างกายชาวบ้านเปิดทางขนแร่ จ.เลย เป็นบททดสอบสำคัญเรื่องสิทธิของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
ภาพเหตุการณ์ 15 พ.ค. 2557 กรณีกลุ่มชายฉกรรจ์ พร้อมอาวุธ เข้าเปิดทางให้รถบรรทุกขนย้ายแร่ทองคำออกจากเหมืองแร่ทองคำวังสะพุงจังหวัดเลย ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บร่วม 30 คน 
30 พ.ค. 2559 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า วันนี้ คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล หรือ ไอซีเจ (International Commission of Jurists) และโพรเท็คชัน อินเตอร์เนชั่นแนล (Protection International) ได้ออกแถลงการณ์ร่วม เรื่องคำพิพากษาของศาลจังหวัดเลยที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ (31พ.ค.59) ในคดีที่มีจำเลย คือ พล.ท.ปรเมษฐ์ ป้อมนาค (เกษียณอายุ) และพ.ท.ปรมินทร์ ป้อมนาค (บุตรชาย) จำเลยทั้งสองถูกกล่าวหาในคดีอาญาว่ามีส่วนร่วมในการใช้ความรุนแรง โดยใช้กลุ่มชายฉกรรจ์ติดอาวุธ กว่า 100 คน เข้าทำร้ายสมาชิกกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด รวมถึงชาวบ้านนอกเหนือจากกลุ่มดังกล่าวด้วย เหตุเกิดที่บ้านนาหนองบง จังหวัดเลย ในคืนวันที่ 15 พ.ค. 2557 โดยผู้เสียหายถูก ทำร้ายและกักขังไว้มากกว่า 7 ชั่วโมงระหว่างเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 20 ราย โดยในจำนวนดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำนวน 7 ราย 
ซึ่งคำแถลงร่วมดังกล่าว ระบุว่า คำพิพากษาของศาลจังหวัดเลยที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ จะเป็นบททดสอบสำคัญต่อความยึดมั่นของประเทศไทยเรื่องการนำตัวผู้กระทำความผิดทางอาญาต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนมาลงโทษ
 
สำหรับกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดนั้น เป็นการรวมตัวของกลุ่มชุมชนที่ประท้วง โดยกล่าวอ้างว่าการทำเหมืองส่งผลกระทบ เป็นการทำลายสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของพวกเขา ทั้งนี้กิจกรรมของกลุ่มฯส่วนมาก เน้นที่การขอให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด หยุดการเหมืองแร่ทองคำ ที่ภูทับฟ้า จังหวัดเลย  
แซม ซารีฟี (Sam Zarifi) ผู้อำนวยการคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล สำนักงานเอเชีย กล่าวว่า “สำหรับประเทศไทย คดีนี้กลายมาเป็นคดีสัญลักษณ์ที่นักปกป้องเพื่อสิทธิมนุษยชนถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการที่พยายามคุ้มครองสิทธิชุมชนของพวกเขา” นอกจากนี้ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “มีคนจำนวนมากกำลังติดตามคดีนี้ เพื่อจะดูว่ารัฐบาลไทยจะได้ทำตามความยึดมั่นของตนเองที่จะคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนหรือไม่”
ทั้งนี้ การบุกโจมตีบ้านนาหนองบงดังกล่าวเกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดรวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ตั้งสิ่งกีดขวางถนนเส้นในหมู่บ้านที่มุ่งไปทางเหมืองทองคำ ระหว่างการบุกโจมตี ได้มีการทำลายด่านกีดขวาง โดยมีรายงานว่ามีรถบรรทุกจำนวนอย่างน้อย 13 คัน เข้ามาขนแร่จากพื้นที่เหมือง
จากคำให้การบางส่วนของชาวบ้าน พล.ท.ปรเมษฐ์ และพ.ท.ปรมินทร์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในวันที่ 15 พ.ค.57  โดยบุคคลทั้งสองถูกตั้งข้อหาต่าง ๆ รวมถึงข้อหา ‘ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย’ และ ‘การกักขังผู้อื่นโดยมิชอบ หรือการลิดรอนเสรีภาพของผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 และ มาตรา 309
แซม ยังได้กล่าวเสริมว่า “หากพิเคราะห์จากรายงานที่น่าเชื่อถือว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์ติดอาวุธมากกว่า 100 นาย เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ไอซีเจมีข้อห่วงใยในประเด็นว่ามีจำเลยเพียงสองรายเท่านั้นที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาจากการโจมตีดังกล่าว ดังนั้น เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยได้สืบสวนคดีใหม่และประกันว่ามีการนำบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมารับผิดชอบ รวมถึงมีการให้การเยียวยาเหยื่อที่เกี่ยวข้องด้วย”
คดีที่กล่าวหา พล.ท.ปรเมษฐ์ และพ.ท.ปรมินทร์ มีเหตุเชื่อมโยงมาจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดและบริษัท ทุ่งคำ จำกัด โดยในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ทางบริษัทฯได้ยื่นฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญากว่า 19 คดีต่อสมาชิกกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดและชาวบ้านอื่น ๆ จำนวน 33 ราย ซึ่งหนึ่งในการยื่นฟ้องคดีรวมถึงการฟ้องหมิ่นประมาททางอาญากับเด็กหญิงอายุ 15 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่าได้กล่าวข้อความอันไม่เป็นผลดีเกี่ยวกับงานของบริษัทฯในรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง
อนึ่ง กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาและเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยทั้งสอง ศาลจังหวัดเลยได้นัดอ่านคำพิพากษาในวันอังคารที่ 31 พ.ค.59 เวลา 9.00 น.

ข้อมูลพื้นฐาน :

พล.ท.ปรเมษฐ์ ป้อมนาค และพ.ท.ปรมินทร์ ป้อมนาค ถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ ตามประมวลกฎหมายอาญา ได้แก่ มาตรา 295 (‘ความผิดฐานทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย’) และมาตรา 296 (‘ระวางโทษฐานทำร้ายร่างกาย’), มาตรา 309 (‘ความผิดฐานการกักขังผู้อื่นโดยมิชอบ’ ) และมาตรา 310 (‘ระวางการกักขังผู้อื่นโดยมิชอบ’) , มาตรา 358 (‘ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ’), มาตรา 371 (‘ความผิดฐานพกพาอาวุธ’ ), มาตรา 376 (‘ความผิดฐานใช้ดินระเบิด’ ) , มาตรา 391 (‘ความผิดฐานใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตราย’) ประกอบกับข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ได้แก่ มาตรา 32, มาตรา 33 (‘การนำอาวุธปืนไปจดทะเบียนยังนายทะเบียนท้องที่’) รวมถึงมาตราอื่น ๆ ตามประมวลกฎหมายอาญา อาทิ มาตรา 83และมาตรา 84 (ตัวการและผู้ใช้), มาตรา 91 (มาตรา 90 และมาตรา 91 เป็นมาตราเกี่ยวกับการกระทำความผิดเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท โดยให้ศาลลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ต้องไม่เกินโทษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 91) นอกจากนี้ยังรวมถึงความผิดอื่น ๆ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, มาตรา 7, มาตรา 8 ทวิ, มาตรา 72 และมาตรา 72ทวิ, พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 3, และคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ข้อ 3,
ข้อ6, และข้อ 7  
ประเทศไทยมีพันธกรณีทางกฎหมายที่จะคุ้มครองนักปกป้องเพื่อสิทธิมนุษยชนจากการถูกโต้กลับด้วยเหตุที่มาจากการใช้สิทธิของพวกเขาที่ชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ประเทศไทยได้ร่วมกับประเทศอื่น ๆ อีก 126 ประเทศที่สมัชชาสหประชาชาติ (UN General Assembly) เพื่อรับเอาหนึ่งในข้อมติล่าสุดของสหประชาชาติเรื่องนักปกป้องเพื่อสิทธิมนุษยชน  ข้อมติสหประชาชาติที่ 70/161 ได้รับรองความสำคัญที่การให้ความคุ้มครองนักปกป้องเพื่อสิทธิมนุษยชนของรัฐต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่นักปกป้องเพื่อสิทธิมนุษยชนถูกประหัตประหารอันมีเหตุมาจากการมีกิจกรรมที่สงบและมติยังได้ต่อต้านภัยต่าง ๆ, การคุกคามและการข่มขู่ต่อนักปกป้องเพื่อสิทธิมนุษยชน รวมทั้งส่งเสริมให้รัฐต่าง ๆ สอบสวนข้อกล่าวหาเรื่องการข่มขู่และการโต้กลับ ทั้งยังสนับสนุนให้มีการนำตัวผู้กระทำผิดเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top