สงครามกลางเมืองลาว 1954-1975 เรื่องเพื่อนข้างบ้านที่เราไม่เคยรู้..?
หลังการช่วยเหลือทางเศรฐกิจของ อเมริกา ต่อลาวในปี 1957 ด้วยเงินกว่า 150 เหรียญ/คน คนลาวยังยากจนอยู่เหมือนเดิม และการคอรัปชั่นยิ่งรุนแรงหนักกว่าเก่า 1960 CIA ช่วยฝึกทหารลาว ว่าด้วยการรบในเมือง โดยให้ทหารไปยึดสถานีวิทยุ โทรทัศน์ ต่างๆ ร้อยเอก กองแล ซึ่งเป็นคนนำซ้อมรบในครั้งนี้ เสือกประกาศ รัฐประหาร(อ้าว เวร.. เป็นงั้นไป) เป็นการเป็นฉากรัฐบาลผสม ลาว 3 ฝ่ายคือ
เจ้าสุวรรณภูมา(ลาวกลาง)มีกองกำลังของร้อยเอกกองแลเป็นกำลังหลักให้การสนับสนุน
เจ้าสุภานุวงศ์กับขบวนการปะเทดลาว (ลาวซ้าย เป็น คอมมิวนิตส์)น้องชายต่างมารดาของเจ้าสุวรรณภูมาที่มีเวียตนามและรัสเซียหนุน โดยขบวนการนี้ต่อสู้เพื่อเอกราชตั้งแต่สมัยโดนฝรั่งเศสยึด
พวกนิยมกษัตริย์(ลาวขวา)ของเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์ ที่มีนายพลภูมี หน่อสวรรค์ญาติของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ที่ได้รับการสนับหนุนทั้งจากหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาและ รัฐบาลไทย รูป:เจ้าชีวิตลาวตอนนั้น เจ้าศรีสว่างวงศ์
แล้วไม่นาน กองทัพ ร้อยเอก กองแลก็แตกคอกันโดยมีบางส่วนไปเข้ากับ พวกประเทศลาว พวกฝั่งขวา จึงบุกยึดเวียงจันทร์ ด้วยวิธียิงจากระยะไกล เข้าเมืองเพื่อจะได้ไม่รู้สึกว่าฆ่าคนซึ่งเป็นบาป ตามศาสนาพุทธ แน่นอน ไม่มีการรุกไล่ตามตีอีกด้วย สงครามกลางเมืองในลาวก็เริ่มดุเดือดมากขึ้น ระหว่างลาวฝ่ายซ้าย(คอมมิวนิตส์)และฝ่ายขวา(นิยมกษัตริย์) โดย ทั้งอเมริกา และโซเวียต ต่างสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นในลาวมาก อเมริกันเริ่มส่ง CIA และจ้าง ทหารไทย มาเป็นที่ปรึกษาให้ฝ่ายนิยมกษัตริย์ ภายใต้ชื่อ "ปฏิบัติการ โมเมนตัม" โดยไอ้กันพร้อมจะนับญาติทุกคนที่เป็นศัตรูกับคอมมิวนิตส์อยู่แล้ว!!
หลังการต่อสู้ของลาวฝั่งขวา(the force army royal=FAR) หลายครั้งที่ไม่น่าประทับไจ พวกเขามักทิ้งอาวุธวิ่งหนีอยู่เสมอ จนไอ้กันเรียกกองทัพนี้ขำๆว่า FAR= fastest runing army พวกเขาหันมาสนใจ พวกชาวเขาเผ่าม้ง(ฝรั่งเศษ เรียกเพี้ยนว่า "แม้ว") ซึ่งมีชื่อเสียงจากการต่อสู้กับพวกเวียตนามอย่าง เลือดเย็นมาตั้งแต่สมัยอาณานิคม รูป: พวกม้งในลาว ปัจจุบัน
พันเอก วังเปา เป็นผู้นำของม้งซึ่งมีประชากร 300,000 คน "วังเปา"เริ่มอาชีพทหารตั้งแต่อายุ 14ปี เขาสร้างวีรกรรม ลอบฆ่าพวกเวียตนามที่ซ่อนอยู่ในหมู่บ้านจนเเกลี้ยง โดยไม่มีการปลุกใครให้ตื่น แถมยังหย่อนระเบิดใส่พวกเวียตนามซ่อนอยู่ในถ้ำด้วย ความไร้ปราณีต่อศัตรู รักอิสระ ชำนาญพื้นที่ ไต่เขาได้ยังกะเลียงผา พวกนี้คือนักรบชั้นยอดไม่ต้องสงสัย!! รูป: วังเปา ปี 1960
พวกม้งได้รับอาวุธปลดประจำการสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จากไอ้กัน การฝึกจากทหารไทย (พวกฝรั่งเรียกพวกทหารไทยว่า "พารู"ซึ่งเพี้ยนมาจาก"ครู") ด้วยความอำมหิตชนิดที่ทหารลาวสู้ไม่ได้ วังเปา จึงชนะครั้งแล้วครั้งเล่า กองกำลังของเขาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมีกำลังถึง 10,000 คน จนกลางปี 1961 ทหารเวียตนามก็เข้าสู่สงคราม !!
พวกเวียตนามเป็นนักรบที่ทรหด ไม่กลัวตาย และมีทักษะการรบที่สูงมาก หนึ่งในนั้นคือการชี้เป้าปืนใหญ่ ที่พวกม้งเทียบไม่ติด หลังจาก วังเปา ต้องลิ้มรสความพ่ายแพ้ครั้งแรกที่เมือง ปาดอง ....ลูกปืนใหญ่ที่แม่นยำ และ ฝูงคลื่นมนุษย์ที่ไม่กลัวตาย พวกเวียตนามไม่ใช่แค่นักรบแต่มันเป็นเครื่องจักรสงครามชัดๆ!! พวกเวียตนามยังรุกไล่จน พวกม้งต้องเผ่นไปหาที่อยู่ใหม่ที่. "ล่องแจ้ง"
ไอ้กันที่กำลังปวดหัวกับความขัดแย้งที่ระเบิดขึ้นทั่วโลก กลัวจะต้องส่งทหารไปในลาวอีก จึงเปิดทางให้โซเวียตเข้าโต๊ะเจรจาเกี่ยวกับสงครามในลาวใน กรุงเจนีวา.. ผลการเจรจาคือให้ลาวเป็นประเทศที่เป็นกลางห้ามใครเข้าแทรกแซง แต่ลับหลังทั้ง ไอ้กันและโซเวียต ก็ผิดสัญญาทั้งคู่ สงครามนี้เป็นหมากเกมที่สกปรกที่สุดในสงครามเย็น!!
สุดท้ายก้ออพยพมาอยู่ไทย เป็นปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้ของไทยจนมาถึงปัจจุบัน
1963 วังเปาได้รับการแต่งตั้งเป็น พลตรี จากกษัตริย์ลาว ตอนนี้ประเทศลาวหวังพึ่งพวกม้งในการสู้กับคอมมิวนิสต์!!1964 มีการรัฐประหารอีกครั้ง โดยที่ชาวลาวยังนอนหลับกลางวันอย่างเป็นสุข(พวกเขารู้สึกชาชินกับการ ปฏิวัติ)ทำให้ ลาวฝ่ายกลางล่มสลายไปเข้ากับพวกฝ่ายขวาหมด แต่วังเปาก็ผิดหวัง.. ที่จนแล้วจนรอด ไม่มีทหารลาวคนไหนโผล่มาช่วยเขารบกับคอมมิวนิสต์เลย..
ขณะเดียวกัน สงครามในเวียตนามเริ่มดุเดือดขึ้น พวกเวียตมิน(ของไปขอเรียกว่าพวก VC) ได้ลำเลียงกำลังพลและยุทธภัณ เข้าทาง Ho chi mihn trail ที่อ้อมผ่านลาวและเขมรแถมยังตัดทางเพิ่มอย่างคึกคัก พวกม้งก่อกวนพวก VC ตลอดทาง (พล.อ.พรรลต ปิ่นมณี ก็เป็นพารูในผู้ที่ร่วมปฏิบัติการนี้)เริ่มมีการนำกำลังทางอากาศมาใช้แม้จะ เป็นแค่เครื่องใบพัด T-28 พวกVC ที่ไม่เคยเห็นเครื่องบินในลาวมาก่อน ก็เผ่นกันป่าราบ!
1965 วังเปาได้เริ่มขั้นเป็น พลโท คุมทหารมณฆลยุทธศาสตร์ใหม่ 2 มณฆล ขณะเข้ารับตำแหน่งในเวียงจันทน์ วังเปาเห็น การคอรัปชั่นที่ฟอนเฟะ นายภูมี หน่อสวรรค์ ขึ้นเป็นใหญ่จากความสนิทกับนายพล อ้วน รัตติกร เจ้าพ่อค้าฝิ่น(การได้เป็นใหญ่จากความสนิทเน่ห์หาส่วนตัวเป็นเรื่องธรรมดา ของลาว)พวกผู้ใหญ่ของลาวหมกมุ่นแต่การหาเงินใส่ตัวทุกรูปแบบ กับการปฏิวัติแย่งอำนาจกัน นายทหารที่มีความสามารถโดนฆ่าทิ้งไปมาก
1965 ก็เป็นปีที่ เอกอัคราชฑูต คนใหม่ของไอ้กันในลาว วิลเลียม ซุลลิแวน ได้เข้ารับตำแหน่ง เขาเป็นคนผลักดันสนธิสัญญาเจนีวาที่ให้ลาวเป็นกลางในปี 1962 สำเร็จ แต่เขากลับอนุมัติการโจมตีทางอากาศขนานใหญ่ในลาว ดึงชาวเขาออกการเป็นหน่วยป้องกันหมู่บ้านหรือ หน่วยรบกองโจร เข้าสู่การเข้าตีหักเต็มรูปแบบ แม้อาวุธจะได้เปรียบ แต่ชาวเขาไม่มีกำลังใจรบเมื่อต้องห่างบ้านเกิดตัวเอง และการตีหักก็ไม่ใช่การยุทธที่พวกเขา คุ้นเคยความคิดนี้กลับเป็นหายนะอย่างหนักภายหลัง
พวกหน่วย กรีนเบเล่ร์ ถูกส่งมาทำหน้าที่แทน พารูไทย ทำให้ ทหารไทยว่างงานจนเอาเวลาไปทิ้งกับขวดเหล้าและยุ่งกับสาวชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ CIA ต้องทำทุกอย่างเป็นรายงาน เอกสารต่างๆเริ่มมากขึ้น พวกชาวเขาที่รู้สึกหมดอาลัยตายอยากจากการตัดเขาออกจากวิถีชีวิตดั้งเดิมได้ ไปเข้า คอมมิวนิสต์จำนวนมาก มีการนำนวัตกรรมต่างๆมาลองถล่ม Hochimin trail อย่างสนุกสนาน ทั้งฝนเหลืองที่ทำให้ใบไม้โกร๋นหมดป่า ฝนเทียมที่รบกวนการสันจรเป็นทางลูกรัง แม้กระทั่งของไร้สาระอย่าง สารเพิ่มความลื่นเป็นถนน ที่โครงการล้มไม่เป็นท่า
1965 เหมือนกันที่ ไอ้กัน 1500 นายยกพลขึ้นบกครั้งแรกที่ ดานัง และเพิ่มปริมาณเป็น 5 แสนคนใน 1 ปี ไอ้กันเริ่มเจ้ากี้เจ้าการทุกอย่างในเวียตนามใต้ ที่พลาดที่สุดคือ การกวาดชาวบ้านออกจากที่ๆพวกเขาเคยอยู่ไปอยู่ในเขตที่ควบคุมได้ คนเอเซียมักผูกพันกับแผ่นดินเขาเอง การทำแบบนี้ทำให้คนไปเข้าคอมมิวนิสต์มากขึ้น
1968 พวกVC บุกเวียตนามใต้ครั้งใหญ่ในวันตรุษญวณ แม้พวก VC จะแพ้ แต่การที่ VC โผล่ออกมาได้จากทุกหนทุกแห่ง โดยไอ้กันไม่รู้มาก่อน ทำให้เกิดความรู้สึกว่า "สงครามนี้ตูจะชนะเปล่าว่ะ" จึงเกิดพวกต่อต้านสงครามขึ้นมากมาย(ไอ้พวกที่คิดว่าแพ้สงคราม) จะเผ่นเลยก็ใช่ที่เพราะมีศักดิ์ศรีเป็นถึงชาติมหาอำนาจ ปธน จอร์นสัน เลยประกาศยุติการทิ้งระเบิดเวียตนามเหนือ เพื่อเจรจาสันติภาพ
หลัง ศึกวันตรุษ พวกม้ง ก็หนาวๆร้อนๆ เพราะรู้ว่าถึงคิวต้องโดน เช็คบิล พวก VC เริ่มตัดถนนเข้ามาใกล้ "ซำเหนือ"(เมืองยุทธศาสตร์ที่มีฐานเรดาห์ของไอ้กันใน ลาว) มากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางการก่อกวนของม้ง และการทิ้งระเบิดอย่างหนักของไอ้กัน กระนั้น มันยังตัดถนนคืบหน้าขึ้นเรื่อยๆถึงวันละ 14 Km "มองผ่านกล้องของเครื่องบินจะเห็นทหาร VC ทุบตีและ ล่ามพวกเดียวกับมันไว้กับรถทำถนน" นักบินคนนึงกล่าว
พวก VC ไปขี้โม้กับชาวบ้านว่า มันจะบุกซำเหนือเร็วๆนี้ แล้วมันก็ทำจริงๆ หลังยึดซำเหนือได้ พวก VC ตัดถนน เพื่อเตรียมเข้าสู่ ฐานใหญ่ของม้ง... "ร่องแจ้ง" ในเวลา 3 เดือน วังเปาเสียพื้นที่ไป 1 ใน 3 ผู้ชายโดนฆ่าแทบล้างหมู่บ้าน วังเปาก็เลือดขึ้นหน้าสั่งโจมตีศูนย์บัญชาการใหญ่คอมมิวนิสต์ที่ "ทุ่งไหหิน" หลังการทิ้งระเบิด และประสานกับทหารราบ วังเปา ยึดกล่องดวงใจ ของคอมมิวนิสต์ สำเร็จ!!
เมื่อพวก VC กลับมายึด ทุ่งไหหิน คืน อดีตทหารลาวฝ่ายกลางที่ประจำทุ่งไหหิน เผ่นหางจุกตูดหมด รวมทั้งไอ้ ร้อยเอก กองแล ตัวต้นเหตุก็เผ่นไป ฝรั่งเศส เหลือแต่ทหารไทยที่เฝ้าปืนใหญ่อยู่ ไม่กี่กระบอกจึงแอบเผ่นตามกันไปหมด พวกม้งตัดสินใจเข้าตีเอาคืน ดีที่ฤดูฝนมาถึง พวก VC ขาดเสบียงและปืนใหญ่สนับสนุนนเพราะ ถนน เละจนใช้ไม่ได้ จำต้องถอนตัวกลับไป
1969 เข้าหน้าแล้งพวก VC บุกเขายึดทุ่งไหหินคืนได้เกือบหมด วังเปา กลับไปอยู่ในพื้นที่ดั้งเดิม แต่เหลือกำลังพลแค่หยิบมือ มีการเอาชาวเขาเผ่าเย้า มีช่วยแต่ 2 ฝ่ายก็เขม่นกันเองถึงขั้นดวลปืนกันลงเอยด้วย วังเปาต้องเสีย ทุ่งไหหินไปทั้งหมด ตามด้วย "ซำทอง" จนเหลือที่มั่นสุดท้าย.. "ร่องแจ้ง"
1970 ทหารรับจ้างไทย 15,000 นายเริ่มเข้าสู่สนามรบ ขณะเดียวกันพวก VC ได้ปืนใหญ่ 130 mm เป็นของเล่นใหม่ ที่ยิงได้ไกลกว่า ปืนใหญ่ 105mm ของไอ้กัน เจอกันครั้งแรก ปืนใหญ่ไทยยิงได้แค่ครึ่งนึงของเวียตนาม อยู่ๆพวกทหารลาวก็ก่อกบฏ บอกว่าจะไม่กับร่วมกับพวกม้งอีกต่อไป แล้วก็เผ่นไป แขวง "สุวรรณเขต" เหลือแต่ทหารไทยกับม้ง ต้องรับการบุกเวียตนามถึง 2 กองพล ขณะที่ไอ้กันเพื่อนรัก เผ่นไปเกือบจะหมด!! เพราะนิกสันดำเนินนโยบาย "สนธิสัญญาเจนีวาลาว คือประเทศที่เป็นกลาง" สื่อเป็นนัยๆว่า ตูจะเผ่นแล้วเฟ้ย
1971 ทหารไทยกับม้งต้องต่อสู้ป้องกัน ล่องแจ้ง ไอ้กันพูดถึงทหารไทยว่า "ไอ้พวกนี้ ขนาดเพื่อนมันตายไปกว่า 60% มันยังรบได้แบบไม่สะทกสะท้าน" ตอนนี้ เที่ยวบินเริ่มลดลง จาก 300 เที่ยว/วัน เหลือไม่ถึง 30 เที่ยว/วัน
1972 พวก vc รุกคืบมาเรื่อยๆ ในร่องแจ้ง การตั้งรับยังเป็นไปอย่างทรหด ปธน นิกสันเริ่มทิ้งระเบิดปูพรมใน เวียตนามเหนืออีกครั้ง เพื่อเรียก vc มาเจรจา
(ไม่งั้นกูจะถล่มมึงให้กลับเป็นมนุษย์ถ้ำให้หมด)
(ไม่งั้นกูจะถล่มมึงให้กลับเป็นมนุษย์ถ้ำให้หมด)
1973 พวก vc ยอมเข้าโต๊ะเจรจาสันติภาพในสงครามเวียตนาม พร้อมๆกับมีการเจรจาสันติภาพในลาว เที่ยวบิน B-52 ทำงานจนนาทีสุดท้าย สรุประเบิดทั้งหมดที่ทิ้งไป 2 ล้านตัน เทียบกับประชากรลาว 3 ล้านคน หลังการเจรจาสันติภาพ ทหารไทยพากันกลับบ้าน
แต่แล้ว... พวกลาวขวา ที่ไม่มีกำลังหนุนจากไทยและไอ้กัน ก็อ่อนแอเสียขวัญ 1975 หลังอยู่แบบ สงบมาได้ 1 ปี พวกคอมมิวนิสต์ ได้ลุกฮือขึ้นโจมตีทหารรัฐบาลจาก จุดยุทธศาสตร์ต่างๆ ทั่วประเทศ เขมรแตกพ่ายให้คอมมิวนิสต์ ตามด้วยรถถัง vc ที่ทะลวงเข้าไปใน รัฐสภา เวียตนามใต้
รัฐบาลลาว เจ้า สุภรรณภู ต้องการยอมแพ้ ... วังเปาหยุดหงิดถึงขั้นคว้างตราขุนพลให้โต๊ะ รตม. เมื่อคอมมิวนิสต์ล้อม ร่องแจ้งไว้หมด วังเปาตัดสินใจหนีออกมาพร้อม ญาติ บริวารใกล้ชิด
ประเทศลาวใต้เงา คอมมิวนิสต์ ไอ้โม่งตัวจริงที่คุมคอมมิวนิสต์ทั้งหมด อยู่เบื้องหลังชื่อ นาย เกษร พหรมวิหาร ลูกครึ่ง ลาว- ญวณ ก็โผล่หัวออกมา ภารกิจแรกคือ ล้างแค้นพวกม้ง ชาวม้งกว่า 150,000 คนถูกยัดเข้าค่ายกักกันหรือ "สัมนา"ปล่อยอดอาหาร จนเกือบตาย ใครทนไม่ไหวหนีออกมาก็ยิงทิ้ง
พวกม้งที่ตะเกียดตะกาย ว่ายน้ำข้ามฝั่งโขงมาได้มีแค่ 2000 กว่าคน แต่คนไทยส่วนใหญ่ก็ไม่รู้เรื่องนี้ ตั้งแง่รังเกียจ ไม่อยากให้ม้งปักหลักอยู่ในแผ่นดินไทย ที่เหลือ ถ้าไม่ตายก็เผ่นเข้าป่าตราบจนทุกวันนี้ คนที่เจ็บปวดเรื่องนี้ที่สุดก็คือ "วังเปา" นั้นเอง...
คอมมิวนิสต์ เอาพวกกษัตริย์และราชวงศ์ พวกข้าราชการเก่าขี้ฉ้อ รวมทั้งนายพล อ้วน รัตติกร เข้าค่ายกักกัน ท้ายสุดพวกนี้ไม่ตายเพราะสภาพความเป็นอยู่ในค่ายก็ โดนเก็บ เป็นการล้างไพ่ครั้งใหญ่ของสังคมอีกครั้ง ตอนนี้ลาวก็เปิดประเทศนานแล้วครับ สาวลาวก็ปรับปรุงสายพันธุ์จนหน้าตาดี เหอๆ เกี่ยวกันไม๊..!!
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น