รายงานพิเศษ: ลาว กับปัญหาความมั่นคงเก่าที่กำลังกลับมาใหม่
ลาวเผชิญหน้ากับปัญหาท้าทายทางด้านความมั่นคงอีกครั้งในท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการเมืองและภาระทางการทูตที่ใหญ่หลวงในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้
การโจมตีชาวจีนทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยวและคนงานถึง 3 ครั้งในระยะเวลา 3 เดือนได้สร้างความวิตกให้กับผู้นำลาวเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มต่อต้านที่รู้จักกันในภาษาลาวว่า “คนบ่ดี” อีกครั้งในคราวที่ประเทศกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงการนำและต้องทำหน้าที่ประธานอาเซียน
เหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงระยะเวลาปี 2543 – 2544 มีเหตุระเบิดตามที่ต่างๆโดยเฉพาะในนครหลวงเวียงจันทน์ตลอดปี เหตุการณ์มาสงบลงเมื่อการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวครั้งที่ 7 ได้ผ่านพ้นไปในเดือนมีนาคม 2544
เหตุไม่สงบในทำนองเดียวกันเกิดขึ้นบ่อยครั้งในปีนี้ เริ่มจากเมื่อปลายเดือนมกราคม มีกลุ่มบุคคลใช้ระเบิดโจมตีชาวจีนสองคนเสียชีวิตและอีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บที่แขวงไซยสมบูนทางตอนเหนือของประเทศ หนึ่งในนั้นเป็นคนงานของบริษัทเหมืองแร่จากมณฑลยูนนานที่ลงทุนในลาว จีนเรียกร้องให้ลาวสืบสวนเรื่องนี้ให้กระจ่าง แต่จนกระทั่งปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า
วันที่ 1 มีนาคมเกิดเหตุโจมตีชาวจีนอีกครั้งที่เมืองพูคูน แขวงหลวงพระบาง คนงานจีนเสียชีวิต 1 คนและอีก 3 คนได้รับบาดเจ็บ อีกหนึ่งชั่วโมงถัดมารถยนต์โดยสารจากเวียงจันทน์ซึ่งมุ่งหน้าแขวงพงสาลีถูกมือปืนไม่ทราบฝ่ายโจมตีที่เมืองพูคูนเช่นกัน ผู้โดยสารชาวลาว 3 คนได้รับบาดเจ็บและในเวลาไล่เลี่ยกันรถยนต์ปิ๊กอัพในท้องถิ่นก็ถูกโจมตีอีกส่งผลให้คนลาว 2 คนได้รับบาดเจ็บ
ไม่มีผู้ใดออกมาแสดงความรับผิดชอบและยังไม่ปรากฏรายงานข่าวว่าทางการลาวสามารถจับกุมผู้ใดได้ สถานทูตสหรัฐในเวียงจันทน์ออกคำเตือนเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ห้ามเจ้าหน้าที่เดินทางบนถนนหมายเลข 13 ช่วงเมืองกาสีและแยกเมืองพูคูน เนื่องจากไม่อาจจะคาดการณ์สถานการณ์ความรุนแรงได้ อีกทั้งไม่มีข้อมูลทางการเกี่ยวกับแรงจูงใจของการโจมตีดังกล่าวหรือปฏิกิริยาใดๆจากรัฐบาลเลย
เหตุการณ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีกในวันพุธที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา เมื่อรถโดยสารระหว่างประเทศที่วิ่งระหว่างคุนหมิงและเวียงจันทน์ถูกโจมตีโดยกลุ่มมือปืนไม่ทราบฝ่าย เมื่อเวลาราวสามทุ่มที่เมืองกาสี แขวงเวียงจันทน์ มีผู้โดยสารชาวจีน 6 คนได้รับบาดเจ็บ
รัฐบาลลาวยังไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งล่าสุดนี้ แหล่งข่าวนักการทูตเปิดเผยว่า ทางการยังไม่สามารถสืบทราบได้อย่างแน่ชัดว่ากลุ่มผู้ติดอาวุธที่ลงมือก่อเหตุดังกล่าวทั้งสามครั้งเป็นใครและมีความประสงค์อย่างไร ทางการลาวต้องการที่จะลดระดับความสำคัญของปัญหาลง สื่อของทางการยังไม่ได้รับอนุญาตให้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าว
แหล่งข่าวรายเดิมเปิดเผยว่า ทางการลาวพุ่งเป้าความสงสัยไปยังกลุ่มต่อต้านรัฐบาลคอมมิวนิสต์ซึ่งเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศมาเป็นเวลานาน การปฏิบัติการ 3 ครั้งในระยะเวลาน้อยกว่า 3 เดือนน่าจะเป็นไปเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ซึ่งอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงผู้นำหลังประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคประชาชนปฏิวัติ การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐบาลในเร็วๆนี้ และการเป็นประธานอาเซียนซึ่งทำให้ต้องรับแขกต่างประเทศที่มาประชุมตลอดทั้งปี
ในอดีตกลุ่มกองกำลังติดอาวุธดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะไทยและสหรัฐ รวมตลอดถึงคนลาวในต่างประเทศที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองขัดแย้งกับรัฐบาลคอมมิวนิสต์ แต่ผลจากการปราบปรามอย่างหนักหน่วงประสานกับความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้านในหลายสิบปีที่ผ่านมา ทำให้ กลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ลดขีดความสามารถลงอย่างมากจนอยู่ในระดับที่รัฐบาลลาวเห็นว่าไม่ใช่ภัยคุกคามที่สำคัญ แต่ก็ยังเชื่อว่าพวกเขายังคงเคลื่อนไหวกันอยู่ ในการพบปะกันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยและลาวหลายคราวรวมทั้งเมื่อเร็วๆนี้ ลาวมักจะขอร้องให้ไทยช่วยเป็นหูเป็นตาป้องกันมิให้กลุ่ม “คนบ่ดี” เหล่านี้ใช้พื้นที่ของไทยเป็นฐานเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลลาวอีก
แหล่งข่าวนักการทูตอีกรายหนึ่งให้ความเห็นว่า ความเคลื่อนไหวของกองกำลังติดอาวุธระลอกใหม่นี้ อาจจะเกิดจากความเปลี่ยนแปลงในภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ทางการเมืองปัจจุบัน กล่าวคือ รัฐบาลลาวและสหรัฐมีความกระตือรือร้นที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้น การเยือนลาวของจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ติดตามด้วยแผนการเยือนของประธานาธิบดีบารัค โอบามาในปลายปีนี้ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน อาจจะทำให้กลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ต้องเร่งแสดงตัวตนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้แม้ว่ากลุ่มเป้าหมายจะไม่ใช่คนจีนทั้งหมด แต่การโจมตีหลายครั้งในไตรมาสแรกของปีนี้ มีคนจีนเป็นเหยื่อสำคัญ ทำให้มองได้ว่า กลุ่มนี้อาจจะต้องการแสดงความไม่พอใจต่อการปรากฏตัวและอิทธิพลอย่างชัดเจนของจีนที่เหนือลาวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และอาจจะต้องการทำให้รัฐบาลปักกิ่งสงสัยว่า กลุ่มนี้เคยหรืออาจจะยังมีความสัมพันธ์อย่างลับๆกับรัฐบาลสหรัฐอยู่ก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของลาวบอกว่า พวกเขาไม่เชื่อว่ากระแสต่อต้านจีนจะมีอยู่จริง แต่การโจมตีชาวจีนนั้นจะเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลในเวียงจันทน์ได้มาก เพราะรัฐบาลในปักกิ่งย่อมไม่เพิกเฉยต่อความปลอดภัยของชาวจีนทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยวและคนงานที่ทำงานหรือลงทุนในลาวอยู่ในขณะนี้เป็นแน่
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น