“ณัฐวุฒิ”ชี้ เพิ่มคุณสมบัติคนถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ต้องสังกัดพรรค แค่หวังหยุดเสียงวิจารณ์นายกฯ คนนอก จวกบันทึกประวัติกลุ่มรณรงค์ไม่รับร่างรธน.พิสูจน์ชัด ส่อประชามติแบบมัดมือชก
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า ถึงขั้นนี้แล้วกรธ.ยังคิดจะเอาเส้นผมมาบังภูเขา เช่น การระบุว่าจะเพิ่มคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ต้องสังกัดพรรคการเมือง เพื่อยุติข้อวิจารณ์เรื่องนายกฯ คนนอก เพราะหากพิจารณาจากความเป็นจริงนั้นเป็นไปได้น้อยมากที่คนซึ่งตกลงกับพรรคการเมืองถึงขั้นให้เสนอชื่อเป็นนายกฯ จะไม่เป็นสมาชิกพรรค ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติคนพวกนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการรณรงค์หาเสียง และแสดงบทบาทในนามพรรคที่เสนอชื่ออยู่แล้ว จะกำหนดให้สังกัดพรรคหรือไม่จึงแทบไม่มีความหมาย
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า หากภาพรวมยังให้อำนาจองค์กรอิสระมหาศาล มีส.ว.ลากตั้ง 5 ปี มีข้อจำกัดสารพัดในการใช้อำนาจบริหารของรัฐบาลเลือกตั้ง และเปิดช่องให้นายกฯ ไม่ต้องเป็นส.ส. เรื่องนายกฯ คนนอกก็ยังเป็นประเด็นใหญ่ ขนาดมาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญ 40 กับ 50 ไม่ได้เปิดช่องไว้แต่เกิดวิกฤติทุกครั้งยังดึงดันจะเอานายกฯ คนนอกให้ได้ แต่นี่เปิดไว้ชัดย่อมส่อเจตนาไม่น่าไว้วางใจ ถ้าจะยุติประเด็นนี้จึงมีทางเดียวคือ ให้นายกฯ ต้องมาจากส.ส.เท่านั้น ส่วนการควบคุมตัวกลุ่มรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไปบันทึกประวัตินั้นก็เป็นสัญญาณว่า กติกาประชามติที่กำลังจะออกมาจะเป็นด่านสกัดไม่ให้ฝ่ายไม่เห็นด้วยเคลื่อนไหวได้ ต่างกับฝ่ายสนับสนุนซึ่งคงมีอิสระเต็มที่ บรรยากาศแบบนี้คือการประชามติแบบมัดมือชก ไม่สามารถอ้างความชอบธรรมใดๆ ได้ หากยังใช้อำนาจแบบนี้ คำว่าสองมาตรฐานก็ไม่หายไปไหน
“ที่หนักหนาคือ ไม่นึกว่าจะเกิดสองมาตรฐานแม้แต่กับพระ ซึ่งพุทธอิสระจะทำอะไรเคลื่อนไหวไปไหนทำได้หมด แต่พระฝ่ายมหาเถรฯ จะแถลงข่าวก็ถูกคุกคามสกัดกั้น ไม่เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร หรือนายกฯ จะตั้งต้นตามมติผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอชื่อพุทธอิสระไปยังมหาเถรฯ เสียเลย จะได้ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร อย่างไรก็ตาม ปกติเวลาชาวบ้านเดือดเนื้อร้อนใจก็ไปพึ่งพระ แต่เห็นการใช้อำนาจแบบนี้ก็เป็นห่วงว่า แล้วพระเดือดร้อนจะไปพึ่งใคร”นายณัฐวุฒิกล่าว
source : -http://www.matichon.co.th/news/62445
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น