The Apology สารคดีเรื่อง 'หญิงบำเรอ' สงครามโลก-สู่แรงบันดาลใจเรี ยกร้องความเป็นธรรม
Posted: 03 May 2016 04:38 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
ผู้กำกับหญิง ทิฟฟานี ซุง ผู้มีความรู้สึกแบบหัวอกเดียวกั นกับเหล่า 'หญิงบำเรอ' ที่เคยถูกบังคับข่มขืนโดยทหารญี ่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 เปิดตัวภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับ การต่อสู้เรียกร้องของหญิงเหล่า นี้ที่ไม่ด้ต้องการการชดเชยด้วย เงิน แต่ต้องการให้ประเทศที่กระทำต่ อพวกเธอยอมรับผิดและเขียนประวั ติศาสตร์ตามนั้น ซึ่งผู้หญิงนักสู้เหล่านี้ก็สะท ้อนแรงบันดาลใจให้เธอสู้คดีข่ มขืนของตัวเองด้วย
ทิฟฟานี ซุง นักสร้างภาพยนตร์ผู้มีผลงานกำกั บภาพยนตร์สารคดีเรื่องยาวเรื่อง แรกอย่าง 'ดิ อโพโลจี' (The Apology) ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเรียก ร้องความเป็นธรรมของ 'หญิงบำเรอ' ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อ 'นาวโตรอนโต' ซึ่งจะมีฉายในเทศกาล 'บลัวร์ ฮอต ดอกส์' (Bloor Hot Docs) ภายในวันที่ 30 เม.ย. - 1 พ.ค. และมีฉายในที่อื่นๆ หลังจากนี้
ในภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้เริ่ม ต้นด้วยการประท้วงของกลุ่มหญิงช ราที่เคยถูกทหารญี่ปุ่นในสงคราม โลกครั้งที่สองบีบบังคับให้ กลายเป็น "หญิงบำเรอ" เพื่อบำเรอกามให้กับพวกทหารมาก่ อน หญิงชราเหล่านี้พากันประท้วงที่ หน้าสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงโซลทุก วันพุธติดต่อกันมาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว พวกเธอไม่ได้ต้องการเงิน ส่งที่พวกเธอต้องการคือคำขอโทษแ ละการยอมรับว่าเรื่องเลวร้ายที่ เคยเกิดขึ้นกับพวกเธอเป็นสิ่งที ่เคยเกิดขึ้นจริงในประวัติ ศาสตร์
ถึงแม้ว่าหญิงชราเหล่านี้จะถูกเ รียกจากกลุ่มผู้สนับสนุนพวกเธอว ่าเป็นคุณยาย แต่ในภาพยนตร์ก็เผยให้เห็นในสิ่ งที่ผู้ประท้วงต้องเผชิญ จากการถูกคนหนุ่มที่เดินผ่านไปม าตะโกนด่าว่า "กลับบ้านไปซะพวกกะหรี่" หรือเป็น "พวกคอมมิวนิสต์" ซึ่งการที่เธอต้องทำงานตัดต่อฉา กที่โดนด่าเช่นนี้เป็นเรื่องทำใ จลำบาก แต่ซุงก็บอกว่าเธอมีแรงใจในการท ี่จะทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ สำเร็จเพราะในความรู้สึกเธอแล้ วเธอไม่สามารถนิ่งดูดายอยู่เฉยๆ ได้ เธอต้องทำให้ทุกคนรู้เรื่องนี้
ซุงเริ่มรู้ถึงเรื่องของคุณยายเ หล่านี้ตั้งแต่ปี 2553 ตอนที่เธอไปทัศนศึกษากับโรงเรีย นสอนทำภาพยนตร์เกี่ยวกับประเด็น ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในสงคราม โลกครั้งที่ 2 ทำให้เธอได้พูดคุยกับผู้รอดชีวิ ตจากการบังคับขืนใจในจีน, เกาหลี และฟิลิปปินส์ เรื่องราวของหญิงบำเรอที่ถูกบัง คับกดขี่ทางเพศทำให้เธอรู้สึกตื ่นตะลึงเพราะไม่เคยเรียนเรื่องน ี้มาก่อน
นาวโตรอนโต ระบุว่าการกระทำชำเราทางเพศถู กใช้เป็นทั้งอาวุธและผลพลอยได้ข องทหารมาหลายศตวรรษแล้ว คำว่า "ฮุกเกอร์" (hooker) ซึ่งเป็นคำแสลงใช้เรียกคนค้าบริ การทางเพศในภาษาอังกฤษ มีทฤษฎีหนึ่งตั้งสมมุติฐานว่าคำ ๆ นี้มาจากชื่อของนายพลฮุกเกอร์ผู ้มีความอื้อฉาวเรื่องการให้หญิง บำเรอติดตามกองทหารเขาไปจำนวนมา กในช่วงสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ
ซูซาน จี โคล ผู้เขียนบทความนี้ในนาวโตรอนโตร ะบุว่าเธอเคยเข้าร่วมการชุมนุ มรำลึกของกลุ่ม่ต่อต้านความรุ นแรงต่อสตรี้เมื่อช่วงราว 40 ปีที่แล้วมีการตั้งอนุสาวรีย์ชั ่วคราวที่มีประโยคเขียนไว้ว่า "แด่ผู้หญิงทุกคนที่ถูกข่มขืนใน สงครามทุกสงคราม" อันหมายรวมถึงการข่มขืนถูกจัดเต รียมอย่างเป็นระบบแบบที่พวกขวาจ ัดในญี่ปุ่นบางคนอ้างว่าหญิ งบำเรอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับขวั ญกำลังใจของกองทัพ โดยที่ในภาพยนตร์ของซุงยังฉายให ้เห็นคุณยาย 3 คน แนะนำอาคารที่พวกเธอถูกบังคับให ้อาศัยอยู่และถูกคุมขังในช่วงที ่เป็นหญิงบำเรอ แต่ซุงก็บอกว่าที่แย่ไปกว่านั้น คือถ้ำ พวกเธอถูกพาไปมีเพศสัมพันธ์ที่ถ ้ำโดยที่มีปืนใหญ่กั้นตัวเธอกับ หญิงบำเรอคนอื่นไว้ "การข่มขืนถูกใช้เป็นอาวุธอย่าง หนึ่งด้วย" ซุงกล่าว
การได้เจอกับอดีตผู้ถูกกระทำในช ่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่นนี้ทำให้เธอตัดสินใจเปิดระด มทุนในเว็บ Kickstarter เพื่อเดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์สา รคดีเกี่ยวกับหญิงบำเรอเหล่านี้ โดยมีผู้ที่รู้สึกเห็นอกเห็นใจก ับสิ่งที่เธอทำช่วยเหลือด้วยการ ให้บินฟรีไปที่แหล่งถ่ายทำ ที่นั่นเธอเลือกสัมภาษณ์คุณยาย 3 คน โดยเลือกจากคนที่เต็มใจพูดเรื่อ งประสบการณ์ความน่าอับอายที่เคย เกิดขึ้นกับเธอได้แก่ คุณยายกิลจาเกาหลีใต้ คุณยายเชาจากจีน และคุณยายอเดลลาจากฟิลิปปินส์
ส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณยายเหล่านี ้ยอมเปิดใจกับผู้กำกับเป็นเพราะ ว่าตัวผู้กำกับเองก็เคยมีประสบก ารณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศมาก่อน และในทางตรงกันข้ามการได้พูดคุย กับคุณยายที่เคยเป็นหญิงบำเรอเห ล่านี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ซุ งเปิดปากให้การในคดีที่เธอกับน้ องสาวเคยถูกล่วงละเมิ ดทางเพศโดยแฟนของแม่เธอมาก่อน
ซุงกล่าวว่าตอนที่เธอยังเรียนทำ ภาพยนตร์อยู่เธอไม่เคยพูดถึงเรื ่องเคยเกิดขึ้นกับเธอเลยเพราะเธ อรู้สึกอับอายและกังวลว่าจะถู กคนอื่นแปะป้าย แม้ว่าเธอจะเป็นคนหัวก้าวหน้าแล ะภูมิใจในความเป็นคนรักเพศเดี ยวกัน แต่เมื่อเธอได้เจอกับคุณยายเหล่ านี้ทำให้เธอเข้าใจเรื่องความรู ้สึกอับอายและสามารถพูดถึงมันกั บคนรอบข้างได้
ในประเด็นเรื่องหญิงบำเรอซุงกล่ าวว่าการที่ตัวแทนของญี่ปุ่นพยา ยามแสดงการขอโทษเมื่อปีที่แล้ว (2558) เป็นเรื่อง "หลอกลวง" เนื่องจากเป็นการขอโทษที่สร้างเ งื่อนไขให้ผู้หญิงเหล่านี้เลิ กพูดถึงประเด็นนี้ ให้พวกเธอหยุดร้องเรียนต่อสหประ ชาชาติ อีกทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ตัวแทนญี ่ปุ่นยังไม่กล่าวถึงการใส่ข้อมู ลเรื่องหญิงบำเรอลงไปในตำราเรีย นประวัติศาสตร์ด้วยซึ่งเรื่องนี ้ถือเป็นปัญหาที่แท้จริงเพราะกล ุ่มผู้นำญี่ปุ่นพยายามกำจัดข้ อมูลเรื่องการกระทำผิดในสมัยสงค รามโลกครั้งที่ 2 มาโดยตลอด
ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวของกลุ ่มหญิงบำเรอก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้หญิง รุ่นหลังๆ ที่ไม่ยอมรับข้อเสนอแบบของรัฐบา ลญี่ปุ่นเช่นกัน และส่งผลให้ประชาคมโลกมองว่าข้อ เสนอของญี่ปุ่นเป็นการถอยหลังกล ับไปทำให้ผู้หญิงต้องเงียบเสี ยงมากขึ้น นั่นทำให้ภาพยนตร์สารคดี ดิ อโพโลจี ไม่ใช่แค่บันทึกประวัติสาสตร์ แต่เป็นเรื่องร่วมสมัยสำหรับผู้ หญิงในยุคปัจจุบัน ทั้งเรื่องครอบครัวของพวกเธอ สิ่งที่พวกเธอต้องประสบ และเรื่องที่มันสร้างผลกระทบต่อ พวกเธออย่างไร
"มันเป็นเรื่องที่ยังคงเกิดขึ้น อยู่ในทุกวันนี้" ซุงกล่าวอย่างกระตือรือร้น "คุณยายเหล่านี้เป็นตัวอย่างให้ กับพวกเราทุกคน"
เรียบเรียงจาก
WILL THIS DOCUMENTARY'S SEX SLAVE SURVIVORS EVER GET THE APOLOGY?, Now Toronto, 27-04-2016 https://nowtoronto. com/movies/hot-docs-2016/will- this-documentary-s-sex-slave-s urvivors-ever-get-the-apo/
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น