กสม.เผยส่งรายงานปัญหาสิทธิฯให้ UN ปมปรับทัศนคติ-ศาลทหาร ของ คสช.
Posted: 11 May 2016 06:45 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
เผยส่งรายงานให้ประชาชาติ เกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนที่ เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุ มทางการเมืองในปี 2553 และ 2556-2557 การเชิญบุคคลไปปรับทัศนคติ มาตรการที่มีผลกระทบต่อเสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็น การใช้ศาลทหารกับพลเรือน ในยุค คสช. รวมทั้งปมสิทธิฯ ชายแดนภาคใต้ การค้ามนุษย์และการปฏิบัติต่ อชาวโรฮีนจา
11 พ.ค. 2559 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แจ้งว่า สหประชาชาติจะมีการพิจารณาสถาน การณ์สิทธิมนุ ษยชนในประเทศไทยตามกระบวนการที่ เรียกว่า Universal Periodic Review (UPR) โดยคณะทำงานของ คณะมนตรีสิทธิ มนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council – HRC) ที่สำนักงานสหประชาชาติ นครเจนีวา ระหว่างเวลา 9.00 – 12.30 น. ตามเวลาที่นครเจนีวา (ประมาณเวลา 14.00 – 17.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย)
กสม. ระบุว่า การพิจารณาสถานการณ์สิทธิมนุษยช นตามกระบวนการ UPR นี้เป็นกระบวนการที่เริ่มดำเนิน การในปี 2551 เพื่อเป็นกลไกในการติดตามสถานกา รณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศสมาชิ กสหประชาชาติ ทุกประเทศเป็ นระยะๆอย่างสม่ำเสมอโดยคณะมนตรี สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ การพิจารณาสถานการณ์สิทธิมนุษยช นตามกระบวนการ UPR จะดำเนินการเป็นรอบๆ ละประมาณ 4 ปีครึ่ง โดยแต่ละปี จะมีการทยอยพิจารณาสถานการณ์สิท ธิมนุษยชนในประเทศสมาชิกสหประชา ชาติปีละประมาณ 40 ประเทศไปจนครบประเทศสมาชิกทั ้งหมด 193 ประเทศ
ประเทศไทยได้เข้าสู่การพิจารณาส ถานการณ์สิทธิมนุษยชนตามกระบวนก าร UPR ครั้งนี้เป็นรอบที่ 2 โดยประเทศไทยได้เข้าสู่การพิจาร ณารอบแรกเมื่อปี 2554 ในการพิจารณาสถานการณ์สิทธิมนุ ษยชนของประเทศไทยครั้งนี้ ประเทศสมาชิกสหประชาชาติจะใช้ข้ อมูลจากเอกสาร 3 ฉบับ ได้แก่ (1) รายงานของรัฐบาลไทย (2) รายงานของหน่วยงานต่างๆ ในสหประชาชาติ และ (3) รายงานของ ภาคประชาสังคมที่เรีย กว่า Stakeholders’ report ซึ่งรายงานฉบับที่ 3 นี้เป็นรายงานที่สรุปประเด็นด้า นสิทธิมนุษยชนจากข้อมูลที่ กสม. และองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) เสนอไปยังสหประชาชาติ
ในระหว่างการพิจารณาสถานการณ์สิ ทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประเทศสมาชิกสหประชาชาติจะมีข้อ เสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานด้ านสิทธิมนุษยชนในเรื่องต่างๆ ต่อประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยสามารถพิจารณาได้ว ่าจะรับข้อเสนอแนะในเรื่องใดไปด ำเนินการ นอกจากนี้ ประเทศไทยอาจให้คำมั่นเกี่ยวกับ การดำเนินการเพื่อส่งเสริมและคุ ้มครองสิทธิมนุษยชนในเรื่องใดเพ ิ่มเติมโดยสมัครใจด้วยก็ได้ (Voluntary pledges)โดยประเทศไทยจะต้องแจ้ง ผลการรับข้อเสนอแนะต่อที่ประชุม คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประช าชาติทราบในช่วงปลายปี 2559 (ประมาณเดือนกันยายน – ตุลาคม)
ประเด็นสำคัญในการพิจารณาสถานกา รณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
กสม. ระบุว่า ในส่วนของรัฐบาลไทย คาดว่าจะนำเสนอความคืบหน้ าการดำเนินการเรื่องสิทธิมนุ ษยชนในด้านต่างๆ ตามที่ปรากฏในรายงานที่ส่งให้ สหประชาชาติ เช่น การขจัดความยากจนและลดความเหลื่ อมล้ำด้วยการดำเนินการเพื่ อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหั สวรรษ (Millennium Development Goals – MDGs) และการจัดหาที่ดินทำกินแก่ ประชาชน การออกกฎหมายเพื่อส่งเสริมละคุ้ มครองสิทธิมนุษยชน ที่สำคัญๆ เช่น พ.ร.บ. ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 และ พ.ร.บ. กองทุนยุติธรรม พ.ศ. 2558 การให้ความสำคัญกับการแก้ไขปั ญหาการค้ามนุษย์ ทั้งการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ ยวข้อง การเร่งรัด การดำเนินคดีการค้ามนุษย์ และการจดทะเบียนแรงงานต่างด้ าวเพื่อให้ได้รับความคุ้ มครองตามกฎหมาย นอกจากนี้ รายงานของรัฐได้กล่าวถึ งมาตรการในการคุ้มครองกลุ่ มเปราะบางต่างๆ (vulnerable groups) ทั้งเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้แสวงหาที่พักพิง ในส่วนของสิทธิพลเมือง รายงานได้กล่าวถึงการใช้เสรี ภาพในการแสดงออกอย่างเหมาะสม การส่งเสริมการเข้าถึงความยุติ ธรรมโดยการ ให้ความช่วยเหลือ ด้านกฎหมายแก่ประชาชน การพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ ยวกับค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดี อาญา การดูแลการบังคับใช้กฎหมายในจั งหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อป้องกั นการละเมิดสิทธิมนุษยชน การปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกั บอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติหรือการลงโทษอื่ นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment – CAT) และอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้ มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญ โดยถูกบังคับ (Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance – CED) และการปรับปรุงกฎหมายราชทัณฑ์ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่ างประเทศ
สำหรับประเด็นที่คาดว่าประเทศสม าชิกสหประชาชาติจะสอบถามประเทศไ ทย ซึ่งหลายเรื่องเป็นประเด็นที่ปร ากฏในรายงานของภาคประชาสังคมด้ วย น่าจะรวมถึงกรอบเวลาในการให้สัต ยาบันอนุสัญญา CED การยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 และยกเลิกการใช้ศาลทหารพิจารณาค ดีของพลเรือน รวมถึงการประกันสิทธิในการได้รั บการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม การยกเลิกโทษประหารชีวิต การคุ้ มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุ ษยชน การแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับอน ุสัญญา CAT และเข้าเป็นภาคีพิธีสารของอนุสั ญญาฯ เพื่อป้องกันการทรมาน การแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ความคุ้ม ครองสิทธิในการชุมนุมและเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็น การส่งเสริมการอภิปรายแสดงความเ ห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ อย่างเปิ ดกว้าง การดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดในคด ีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การแก้ไขปัญหาการทรมาน ในจังหวั ดชายแดนภาคใต้ และข้อห่วงกังวลต่อคำสั่ง คสช. ที่ 13/2559 เกี่ยวกับการเพิ่มอำนาจของทหารใ นการทำหน้าที่แทนเจ้าหน้าที่ ตำรวจ
บทบาทของ กสม. ในกระบวนการ UPR
กสม. ได้มีการจัดทำรายงานสถานการณ์สิ ทธิมนุษยชนในประเทศไทยส่งให้สหป ระชาชาติ เพื่อใช้เป็นข้อมู ลประกอบการพิจารณาสถานการณ์ ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 ตามที่สหประชาชาติกำหนด เพื่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิม นุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Office of the High Commissioner for Human Rights – OHCHR) นำไปสรุปประเด็นรวมกับประเด็นจา กรายงานขององค์กรภาคประชาสังคมอ ื่นๆ ไว้ในเอกสารฉบับที่ 3 หรือ Stakeholders’ report ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น
ในรายงานของ กสม. ที่ส่งให้ประชาชาติ ได้นำเสนอประเด็นสิทธิมนุษยชนที ่ กสม. เห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ เนื่องจากข้อจำกัดเกี่ยวกั บความยาวของรายงานที่สหประชาชาต ิกำหนดไว้ไม่เกิน 5 หน้า โดยประเด็นที่นำเสนอได้แก่ปั ญหาสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวเนื่อง กับการชุมนุมทางการเมือง 2 ครั้งที่ผ่านมา (ในปี 2553 และ 2556-2557) ทั้งการใช้สิทธิในการชุมนุมโดยส งบ การใช้เสรีภาพในการแสดงความคิ ดเห็น และการดำเนินการของรัฐในการควบค ุมการชุมนุม ปัญหาสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นหล ังจากที่ คสช. เข้าบริหารประเทศ (เช่น การเชิญบุคคลไปปรับทัศนคติ มาตรการที่มีผลกระทบต่อเสรีภาพใ นการแสดงความคิดเห็น การใช้ศาลทหารพิจารณาคดีที่ผู้ถ ูกกล่าวหาเป็นพลเรือน) ปัญหาสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแ ดนภาคใต้ (เช่น เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิ บัติที่มิชอบของเจ้าหน้าที่ในระ หว่างการจับกุม/คุมขังบุคคล และความล่าช้าในการเยียวยาผู้ได ้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรง) ปัญหาการค้ามนุษย์และการปฏิบัติ ต่อชาวโรฮีนจา และปัญหาสิทธิชุมชนและสิทธิในกา รพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับผล กระทบของโครงการพัฒนาด้านเศรษฐก ิจและอุตสาหกรรมต่อความเป็นอยู่ และสุขภาพของคนในชุมชน
หลังจากการพิจารณาสถานการณ์สิทธ ิมนุษยชนในประเทศไทยในวันนี้และ คณะทำงานของสหประชาชาติมีข้อเสน อแนะต่อประเทศไทยแล้ว กสม. ในฐานะสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชา ติ จะต้องมีส่วนร่วมในการสนับสนุนใ ห้เกิดการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะร วมทั้งติดตามผลการปฏิบัติดังกล่ าว โดยทำงานในลักษณะสร้างความเป็น หุ้นส่วนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐแ ละภาคประชาสังคม ทั้งองค์กรเอกชน นักวิชาการ ชุมชน ผู้แทนสาขาอาชีพต่างๆ รวมทั้งสื่อมวลชน เพื่อผลักดันการดำเนินงานให้บรร ลุผลตามข้อเสนอแนะ ในการนี้ กสม. จะได้มีการหารือกับรัฐบาลและหน่ วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเกี่ยว กับการพิจารณารับข้อเสนอแนะต่าง ๆ มาดำเนินการ รวมทั้งติดตามความคืบหน้าในการป ฏิบัติตามข้อเสนอแนะที่ประเทศไท ยรับไว้ โดย กสม. แต่ละท่านจะติดตามการดำเนินการต ามข้อเสนอแนะในประเด็นสิทธิ เฉพาะด้านที่แต่ละท่านรับผิดชอบ อยู่โดยทำงานร่วมกับภาคส่วนที่ เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานของรัฐและองค์กรภาค ประชาสังคมต่อไป
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น