0


นักวิเคราะห์ชี้ เหตุโจมตีที่จาการ์ตา บ่งบอกว่ากลุ่มสุดโต่งรุ่นใหม่กระหายแสดงฝีมือ แต่ยังขาดประสบการณ์

แม้อินโดนีเซียเคยประสบกับเหตุก่อการร้ายมาแล้วหลายรอบ รวมทั้งมีคำเตือนออกมาหลายครั้งถึงอิทธิพลที่ทวีเพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) แต่คนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีเหตุโจมตีแบบที่เกิดขึ้นในกรุงจาการ์ตาเมื่อวาน (14 ม.ค.) เพราะก่อนหน้านี้ตำรวจอินโดนีเซียสามารถทลายแผนและป้องกันการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพหลายครั้ง ซึ่งนายโยฮันเนส สุไลมาน ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงมองว่า เหตุเมื่อวานเป็นฝีมือของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ แต่ต้องการแสดงฝีมือให้ประจักษ์

นับตั้งแต่เหตุโจมตีครั้งร้ายแรงที่เกาะบาหลีเมื่อปี 2545 และที่โรงแรมแมริออท - ริทซ์ คาร์ลตันในกรุงจาการ์ตาเมื่อปี 2552 ก็ไม่มีเหตุโจมตีรุนแรงในอินโดนีเซีย เนื่องจากตำรวจอินโดนีเซียเฝ้าติดตามขบวนการที่มีแนวคิดสุดโต่งอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคนรุ่นหนุ่มสาวที่มีแนวโน้มว่าจะก่อเหตุรุนแรงได้ รวมทั้งปราบปรามกลุ่มติดอาวุธในประเทศอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก อย่างไรก็ตามนายสุไลมานชี้ว่าสิ่งที่ทางการอินโดนีเซียไม่ได้ทำคือควบคุมไม่ให้คนฝักใฝ่ในแนวคิดสุดโต่ง

แม้เหตุโจมตีเมื่อวานเกิดขึ้นหลายระลอกและหลายจุดในเมืองหลวงของประเทศ แต่หากมองในแง่ความสูญเสียแล้วถือว่าไม่สูงมาก ซึ่งสะท้อนได้ว่าผู้ลงมือก่อเหตุยังอ่อนประสบการณ์ หรือถ้าหากพวกเขาตั้งเป้าหมายให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ก็ถือได้ว่าพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ เพราะดูเหมือนว่าการโจมตีของพวกเขาขาดการวางแผนและการประสานงานที่เป็นเนื้อเดียวกัน พวกเขาอาจไม่ได้เป็นนักรบที่ผ่านการฝึกฝนมาในซีเรียหรืออัฟกานิสถาน ซึ่งผิดกับเหตุโจมตีโรงแรมแมริออทฯ เมื่อปี 2552 ที่ผู้ก่อเหตุค่อยแอบนำระเบิดแต่ละส่วนเข้าไปในโรงแรม จนถึงระดับที่มั่นใจว่าจะทำให้เกิดการสูญเสียใหญ่ได้ จึงลงมือ

นายสุไลมานเปรียบการโจมตีครั้งนี้กับหลายครั้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โดยอธิบายถึงประวัติการเคลื่อนไหวของกลุ่มมุสลิมสุดโต่งในอินโดนีเซียว่าราว 30 กว่าปีที่แล้ว กลุ่มมุสลิมสุดโต่งที่ต้องการให้อินโดนีเซียเป็นรัฐอิสลาม ได้เดินทางไปอัฟกานิสถานเพื่อต่อสู้กับกองทัพสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นจุดทำให้กลุ่มสุดโต่งในอินโดนีเซียสร้างสายสัมพันธ์กับกลุ่มอัลไคดา จนมีทักษะและขีดความสามารถในการก่อเหตุร้ายแรงได้ ส่งผลให้ในปีต่อ ๆ มาอินโดนีเซียประสบเหตุโจมตีรุนแรงหลายครั้ง

แต่หลังจากเหตุโจมตีที่เกาะบาหลี และโรงแรมแมริออทฯ แล้ว คนรุ่นนั้นส่วนใหญ่ถูกจับกุมและต้องโทษอยู่ในคุก หรือไม่ก็ถูกตำรวจเฝ้าประกบแจ ทำให้เคลื่อนไหวได้ลำบาก ทั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตำรวจก็สามารถควบคุมและกวาดล้างนักรบต่างชาติที่ปรากฏตัวตามค่ายฝึกซ้อมในเกาะสุลาเวสีได้ด้วย

ดังนั้นกลุ่มคนที่มีแนวคิดสุดโต่งในยุคนี้จึงเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งได้รับการปลูกฝังแนวคิดมาจากอินเทอร์เน็ตหรือเว็บไวต์ของกลุ่มสุดโต่ง หรือจากผู้ที่ฝักใฝ่ในขบวนการสุดโต่งรุ่นก่อน โดยที่พวกเขาเองไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับคนรุ่นเก่าโดยตรง คนรุ่นใหม่กลุ่มนี้เคลื่อนไหวโดยแตกออกเป็นกลุ่มย่อย ทำให้รอดพ้นสายตาของทางการไปได้

แต่เนื่องจากตำรวจอินโดนีเซียสอดแนมอย่างจริงจัง และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดสุดโต่งเองก็ขาดความเชื่อมโยงกับคนรุ่นเก่า ทำให้พวกเขาไม่สามารถต่อสัมพันธ์ส่วนตัวกับกลุ่มนักรบที่มีแนวคิดเดียวกันในประเทศอื่นได้ ซึ่งหากต่อกันติด พวกเขาอาจได้รับความช่วยเหลือทั้งการเงินและการฝึกฝน ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการโจมตีในกรุงจาการ์ตา ถึงไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง แม้พวกเขายิงปืนเป็น แต่ทักษะและชั้นเชิงการรบในสนามรบของพวกเขายังไม่ถือว่าเข้าขั้น

นอกจากนั้น การเสียชีวิตของนายโอซาบา บินลาเดน ยังส่งผลให้ความนิยมในกลุ่มอัลไคดาลดลง และในขณะที่กลุ่มไอเอสมีอิทธิพลเพิ่มขึ้น กลุ่มนักรบสุดโต่งในอินโดนีเซียจึงหันไปฝักใฝ่ไอเอส โดยล่าสุดกลุ่มไอเอสได้ประกาศว่ากลุ่มตนลงมือก่อเหตุ ซึ่งนายสุไลมานเห็นว่าเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าขบวนการของกลุ่มติดอาวุธยังเคลื่อนไหวอยู่ในอินโดนีเซีย แต่เป็นพวกคนรุ่นใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ ที่กระหายจะแสดงฝีมือให้ปรากฏ #JakartaAttacks #PrayForJakarta #ISIS #WaronTerror#KamiTidakTakut


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top