0

ความท้าทายสำคัญที่ยุโรปจะต้องเผชิญในปีนี้
2559 ถือเป็นอีกปีที่ยุโรปจะต้องเผชิญความท้าทายที่หนักหน่วงและซับซ้อนในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ โรบิน นิบเล็ตต์ผู้อำนวยการสถาบันแชทแธม เฮาส์ในอังกฤษบอกว่า ในปีนี้ประเด็นระหว่างประเทศหลายเรื่องจะเริ่มเข้าสู่ภาวะคงที่มากขึ้น หลังต้องเผชิญกับความยุ่งยากจากวิกฤตการณ์ที่ไม่คาดฝันหลายครั้งเมื่อปีก่อน
ในปีนี้ มีความเป็นไปได้ว่า คนในสหราชอาณาจักรอาจได้ลงประชามติในเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อตัดสินว่า ประเทศควรเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ต่อไปหรือไม่ ซึ่งนี่ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญต่อทั้งสหราชอาณาจักรและอียู โดยหากสหราชอาณาจักรตัดสินใจออกจากกลุ่มอียู ก็จะส่งผลกระทบครั้งใหญ่ทางด้านการทูตและเศรษฐกิจในช่วงการเจรจาเงื่อนไขการออกจากอียู นอกจากนี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และอาจทำให้นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ต้องลาออกจากตำแหน่ง อีกทั้งยังอาจนำไปสู่การลงประชามติเรื่องแยกตัวเป็นเอกราชครั้งใหม่ของสกอตแลนด์ด้วย
แต่หากสหราชอาณาจักรยังคงเป็นสมาชิกอียูต่อไปก็จะเอื้อให้รัฐบาลมุ่งความสนใจไปที่ประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ เช่น เรื่องการปราบปรามกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม (ไอเอส) รวมทั้งร่วมมือกับอียูในการควบคุมการอพยพ
ส่วนประเด็นเรื่องการจัดการวิกฤตผู้อพยพก็เป็นความท้าทายสำคัญที่ยุโรปต้องเผชิญในปีนี้ ซึ่งรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มอียูมีเวลาไม่ถึง 6 เดือนในการเตรียมรับมือคลื่นผู้อพยพระลอกใหม่ที่จะหลั่งไหลเข้ามาในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ ซึ่งนั่นอาจส่งผลกระทบหลายด้าน เช่น การใช้ข้อตกลงเชงเกน และการจัดสรรจำนวนผู้อพยพให้ประเทศต่าง ๆ ในอียู เป็นต้น
นอกจากนี้ ความหวาดกลัวภัยก่อการร้ายจากกลุ่มไอเอส ก็น่าจะทำให้ชาติภาคีอียูร่วมมือกันในการควบคุมพรมแดน ขณะเดียวกันก็คาดว่าไอเอสจะต้องเผชิญการโจมตีที่หนักหน่วงขึ้นจากทั้งสหรัฐฯ ยุโรป รัสเซีย และชาติอาหรับ ทั้งยังมีแนวโน้มที่สหประชาชาติจะรับหน้าที่เป็นคนกลางการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัฐบาลซีเรียและบรรดากลุ่มผู้ต่อต้านด้วย
ส่วนปัญหาเรื่องรัสเซียนั้น แม้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จะหวังว่าการเข้าร่วมปราบปรามไอเอสในซีเรีย จะทำให้ชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียจากกรณีความขัดแย้งในยูเครน แต่นิบเล็ตต์คาดว่า ไม่น่าเป็นเช่นนั้น แม้ว่าการร่วมปราบไอเอสของรัสเซียจะช่วยคลี่คลายความตึงเครียดกับสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรนาโตก็ตาม
นิบเล็ตต์บอกว่า ในปีนี้จะเต็มไปด้วยความท้าทายด้านนโยบายต่างประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความท้าทายที่จีนแผ่ขยายอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่อาจเลวร้ายลง และการที่บางประเทศได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือการที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
นิบเล็ตต์ทิ้งท้ายว่า วิกฤตผู้อพยพเข้าอียูและปัญหาไอเอสไม่น่าจะหมดสิ้นไปในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความขัดแย้งระหว่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่านที่ปะทุขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการทำข้อตกลงสันติภาพในซีเรีย


ภาพประกอบ แฟ้มภาพ


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top