หุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวลดลงหลังตลาดหุ้นจีนปั่นป่วน
ดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทลดลง 2.3% ตามตลาดเอเชียและยุโรปหลังจากการระงับการซื้อขายของตลาดหุ้นจีนเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์นี้ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่นักลงทุนทั่วโลก ด้านจอร์จ โซรอสเตือน วิกฤตการเงินโลกรอบนี้แรงพอๆ กับ 8 ปี ก่อน
ในวันพฤหัสบดี ตลาดหุ้นจีนประกาศระงับใช้มาตรการที่เรียกว่า เซอร์กิต เบรคเกอร์ ที่กำหนดให้ต้องหยุดการซื้อขายเมื่อดัชนีหลักของประเทศลดลงไป 7% มาตรการนี้ถูกนำมาใช้เมื่อปลายปีที่แล้วเพื่อลดความผันผวนในตลาดหุ้นจีน แต่ไม่เคยได้ใช้จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์นี้เอง
หุ้นของธนาคารต่างๆ ในวอลล์สตรีทได้รับผลกระทบมากที่สุด ยักษ์ใหญ่อย่างซิตีกรุ๊ปและมอร์แกน สแตนลีย์ลดลง 5% ส่วนในกลุ่มเทคโนโลยีก็พากันลดลงตามกันไป เช่น แอปเปิล 4.2% อเมซอน 3.9% เฟซบุ๊ก 4.9% และบริษัทแม่ของกูเกิ้ลคือ อัลฟาเบ็ต 2.3%
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าผลกระทบทางการเงินโดยตรงจากราคาหุ้นตกต่ำในจีนนั้นมีอยู่ไม่มากนัก เนื่องจากการลงทุนของต่างประเทศในตลาดหุ้นจีนที่มีอยู่แค่ 2% นั้นมีไม่มากพอที่จะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ ประเด็นจึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับว่าความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนอย่างฉับพลันหรือที่เรียกว่า “ฮาร์ด แลนดิ้ง” หรือไม่ จีนตอนนี้เป็นระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจคิดเป็น 17% ของทั้งโลก และเป็นตลาดนำเข้าสินค้าและบริการพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองด้วย ดังนั้นการถดถอยในจีนจึงเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องส่งผลกระทบต่อทั้งโลก
นักวิเคราะห์ชี้ว่าการลดค่าเงินหยวนของจีนอย่างต่อเนื่องที่เป็นสาเหตุให้ตลาดหุ้นจีนดิ่งลงนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการส่งออกโดยทำให้สินค้าจีนมีราคาถูกกว่าของประเทศอื่นในตลาดโลก และยังอาจตีความได้อีกด้วยว่าเป็นตัวบ่งชี้ว่าอุปสงค์ของผู้บริโภคในจีนอาจชะลอตัวลงอย่างฉับพลันกว่าที่กลัวกัน การลดค่าเงินหยวนอาจหมายความว่าความพยายามที่จะเปลี่ยนจากเศรษฐกิจที่มีการส่งออกเป็นตัวนำให้กลายเป็นเศรษฐกิจที่มีการบริโภคและการบริการเป็นตัวนำนั้นกำลังประสบปัญหา
จอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีพ่อมดการเงินชาวสหรัฐฯ เตือนว่าปี 2559 นี้อาจเกิดวิกฤตทางการเงินทั้งโลกในระดับที่รุนแรงพอๆ กับเมื่อ 8 ปีก่อน เขาบอกว่าจีนเผชิญกับ “ปัญหาการปรับตัวครั้งใหญ่” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์รายนี้ได้เตือนเกี่ยวกับหายนะต่างๆ ในตลาดการเงิน ในปี 2554 เขาเตือนว่าวิกฤตหนี้ของกรีกที่ส่งผลรุนแรงต่อยุโรปมีความหนักหนาสาหัสกว่าวิกฤตทางการเงินปี 2551
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น