0

เยาวชนร้องนายก หยุดแช่แข็งโครงการที่ได้งบ สสส.
เครือข่ายเยาวชนที่ได้รับงบประมาณจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) รวมตัวกันเรียกร้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาปลดล็อกการระงับงบประมาณที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยให้เหตุผลว่าได้รับผลกระทบหนัก ขณะที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ชี้ มีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ได้รับเงิน สสส. แล้วไม่จ่ายภาษี
เยาวชนราว 40 คน จากเครือข่ายเยาวชนที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก สสส. มายื่นเรื่องร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล โดยระบุว่า ได้รับผลกระทบจากกระบวนการระงับการเบิกจ่ายเพื่อตรวจสอบการใช้งบประมาณของ สสส. ซึ่งสนับสนุนงบประมาณกับภาคประชาสังคมอยู่กว่า 2,400 โครงการ
โดยกลุ่มเยาวชนประกอบด้วย เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ นำเด็กเยาวชนนักเรียน นักศึกษาจากเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน เครือข่ายบางกอกนี้ดีจัง เครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์รู้ทันแอลกอฮอล์ เครือข่ายเด็กเปลี่ยนโลก ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาการชะลอโครงการที่รับทุนสนับสนุนของสสส. ซึ่งกระทบการทำงานของเด็กและเยาวชน ตลอดจนองค์กรภาคประชาชนอย่างหนัก โดยกลุ่มได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ นำถังแช่น้ำแข็งมาแช่ป้ายชื่อโครงการต่างๆ
นายธีรภัทร์ ระบุว่า เครือข่ายเยาวชนที่มาร่วมกันร้องเรียนนายกฯ วันนี้เป็นเครือข่ายเยาวชนที่ได้รับงบประมาณจาก สสส. ในการทำกิจกรรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมลดปัญหาผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงในการติดยาเสพติด บุหรี่ เหล้าและการพนัน และขณะนี้กำลังได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลมาตรวจสอบกำกับติดตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้โครงการต่างๆ ต้องหยุดชะงักมาแล้วประมาณ 3 เดือน และบางโครงการต้องกู้เงินมาทำกิจกรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายไปก่อน
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้าตรวจสอบการใช้งบประมาณของสสส. ซึ่ง คตร. พบว่าการใช้งบประมาณส่วนหนึ่งไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ซึ่งนายกฯ ได้สั่งให้ระงับการเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนที่ไม่ตรงวัตถุประสงค์ในช่วงเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว
และเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้าคสช. ได้ลงนามในคำสั่ง คสช. ที่ 1/2559 ปลดกรรมการของ สสส. ออกจำนวน 7 ราย รวมถึงน.พ.วิชัย โชควิวัฒน์ รองประธานกรรมการด้วย และให้สัมภาษณ์หลังจากนั้นว่าแม้จะไม่ได้พบการทุจริตโดยกรรมการทั้ง 7 แต่ต้องปลดเพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบการอนุมัติงบประมาณขององค์กรดังกล่าว
อีกด้านหนึ่งพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงองค์กรพัฒนาเอกชนที่รับเงินสนับสนุนจาก สสส. ว่าต้องถูกตรวจสอบและเรียกเก็บภาษี เนื่องจากมีองค์กรที่ได้รับเงินสนับสนุนแล้วไม่ได้ไปชำระภาษี ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกละเลยการตรวจสอบมานาน


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top