0

"คนที่ทำให้รัฐธรรมนูญไม่ผ่านต้องรับผิดชอบ ใครที่บิดเบือนจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด คนนั้นต้อง รับผิดชอบ"

ผู้เฒ่ามีชัย ฤชุพันธุ์ เรียกแขกรับศักราช 2559 จุดพลุร่างรัฐธรรมนูญเข้าสู่โค้งสุดท้าย ด้วยท่าทีแข็งกร้าว เอาตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ฟังใครค้านทุกประเด็น บัตรเลือกตั้งใบเดียวเลือกส.ส. 2 ระบบ ส.ว.มาจากการล็อบบี้กันตามสาขาอาชีพ แต่เรียกซะสวยหรู "เลือกตั้งทางอ้อม" เปิดช่องให้มีนายกฯคนนอก แต่บอกว่าถ้ามีจริงก็ต้องโทษพรรคการเมือง อย่ามาโทษ กรธ.

"ถ้าเลือกนายกฯคนนอกก็ต้องโทษพรรคการเมือง เพราะพรรคการเมืองเป็นผู้เลือกนายกฯ จะมาโทษรัฐธรรมนูญและ กรธ.ไม่ได้"

คนอะไรให้เหตุผลเก่งจัง สมเป็นปรมาจารย์กฎหมาย จริงด้วย มองยังไงท่านก็ไม่ผิด มีแต่ประชาชนผิด ดันเลือกนักการเมืองชั่วเข้าไป ถ้าได้นายกฯคนนอกเมื่อไหร่ คนไทย ทั้งประเทศต้องเอาหัวโขกพื้นขออภัยท่านผู้เฒ่า

ท่านยังประกาศจะใช้ "ยาแรง" ตัดสิทธิตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่โดนไล่ออกจากราชการ ไม่ใช่แค่โดนศาลตัดสินว่าทุจริต ใครทำผิดจริยธรรมก็จะโดนศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ ตัดสิทธิตลอดชีวิตเช่นกัน

การเมืองไทยคงสนุกสนาน ใครแพ้เลือกตั้งก็ฝากความหวังไว้กับศาล องค์กรอิสระ เสียงข้างมากไม่มีความหมาย เพราะเราให้อำนาจ "คนดี" 5 คน 7 คนชี้ขาด "คนดี" ผุดมาจากไหนไม่ทราบ มีอำนาจอธิปไตยเหนือผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง

ว่าแต่คนดีต้องมีจริยธรรมหรือเปล่า ด่า "สภาผัวเมีย" ที่ประชาชนเลือกเข้ามา แล้วคนดีตั้งลูกตั้งหลานเป็นเลขาฯ ผู้ช่วยเลขาฯ ผิดจริยธรรมไหม หรือท่านผู้เฒ่าเห็นใจ คนดีต้องไว้ใจคนใกล้ตัว แบบตัวท่านเองก็ยังตั้งลูกสาว

นี่ยังมีชาวบ้านฝากถาม ทำไมตัดสิทธิเฉพาะคนทุจริตผิดจริยธรรม แล้วคนไม่เอาเลือกตั้ง คนใช้กำลังล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ทำไมไม่ตัดสิทธิ์ไปเลย ไหนๆ ไม่เลื่อมใสระบอบนี้ ก็ไม่ต้องเป็นทั้งส.ส. ส.ว. องค์กรอิสระ

แต่ผมก็บอกนะ ไม่ว่าใครก็ตาม เคยทุจริตติดคุกติดตะราง เคยทำรัฐประหาร เคยปิดเมือง ปิดสนามบิน ฯลฯ ยังไงก็ต้องให้ลงสมัคร ให้ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน

อ้าว สมมตินาย ก. ทุจริตติดคุกพ้นโทษมาสมัคร ประชาชนก็รู้ประวัติ คู่แข่งก็โจมตี คิดหรือว่าจะชนะเลือกตั้ง แต่ถ้าเขาชนะ แสดงว่าเขาต้องมีอะไรดี หรือไม่ประชาชนก็เชื่อว่าเขา ไม่ได้รับความยุติธรรม 

เว้นแต่ท่านจะดูถูกประชาชน คิดว่าประชาชนโง่ จน เครียด กินเหล้า ถูกหลอก ถูกซื้อ ฯลฯ คนโกงเห็นๆ ก็ยังเลือก จึงต้องตัดสิทธิ ซึ่งเอาเข้าจริงไม่ใช่ตัดสิทธินักการเมือง แต่เป็นการ ตัดสิทธิลิดรอนอำนาจตัดสินใจของปวงชน

รัฐธรรมนูญฉบับนี้แม้ยังไม่วางตลาดก็เห็นภาพแล้วว่า ไม่ต่าง หรือเผลอๆ แย่กว่ารัฐธรรมนูญ 2550 เพราะมีแนวโน้มเพิ่มอำนาจศาล องค์กรอิสระ รัฐราชการ ให้ยิ่งอยู่เหนืออำนาจที่มาจากเลือกตั้ง ให้ยิ่งมีพลังหักโค่นอำนาจที่มาจากความนิยมของประชาชน ทั้งที่เห็นบทเรียนวิกฤต 7 ปี แต่วิธีคิดแก้วิกฤตกลับมุ่งไปที่การลดอำนาจรัฐบาลจากเลือกตั้ง ทั้งไม่ให้ดำเนินนโยบาย ไม่ให้มีอำนาจสั่งทหาร ตำรวจ หรือกระทั่งไม่มีอำนาจปฏิรูปการศึกษา

ยิ่งไปกว่านั้นผู้เฒ่ายังประกาศดังข้างต้นว่า ใครทำให้รัฐ ธรรมนูญไม่ผ่านประชามติต้องรับผิดชอบ อ้าว พูดอย่างนี้จะทำประชามติให้เปลืองงบทำไม เอาไปซื้อยางไม่ดีกว่าหรือ

ประชามติก็ต้องมีรณรงค์เห็นด้วยคัดค้าน ถ้าใครแจกเอกสารแล้วโดนเรียกปรับทัศนคติเหมือนแจกปฏิทิน หรือนักศึกษาขึ้นรถไฟรณรงค์ "ไม่รับ" แล้วโดนจับ ฐานมีการเมืองอยู่เบื้องหลัง ก็อย่าทำประชามติให้เดือดร้อนเลย ใช้โพล 99.5% ของสำนักงานสถิติแห่งชาติดีกว่า

เพราะถ้าเปิดให้ทำประชามติ ด้วยเนื้อหาเช่นนี้ แน่นอนว่าพรรคการเมือง (อาจยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์) นักวิชาการ นักศึกษา ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ต้องเคลื่อนไหวคัดค้าน แพ้ชนะไม่สำคัญ เพียงขอคัดค้านให้ถึงที่สุด

ถ้าไม่ต้องการให้เคลื่อนไหว ก็ไม่ต้องทำประชามติ สมมติแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ผ่าน สนช. สปท.บังคับใช้ทันที ก็ค้านไม่ได้ แต่มีเลือกตั้งเมื่อไหร่ ก็ต้องเคลื่อนไหวแก้รัฐธรรมนูญ

ตราบเท่าที่มีลมหายใจ มีโอกาส มีช่องทางเมื่อไหร่ ประชาชนที่ไม่ยอมรับก็จะเคลื่อนไหว ถ้าไม่อยากให้เคลื่อนไหวก็อย่าคลายอำนาจ ปกครองด้วยกองทัพ ด้วย ม.44 เช่นนี้ ตลอดไป

ปีครึ่งที่ผ่านมา รัฐประหารใช้อำนาจกดการเคลื่อนไหว แต่ความขัดแย้งยิ่งถมทับซับซ้อนลงไป ร่างรัฐธรรมนูญผู้เฒ่ามีชัยไม่ได้แก้ปม มีแต่ "เดินหน้าท้าชน" ให้ได้ดังใจ ฉะนั้นอย่าคิดว่าผ่านเมื่อไหร่จะคลายอำนาจได้ อยู่ไปอีก 3 ปี ตามโพลมนุษย์เงินเดือนยังดีกว่า



source :- http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1452227973

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top