0
อะไรคือปัจจัยสร้างความกังวลให้ตลาดหุ้นทั่วโลก 

ตลาดหุ้นทั่วโลกตกอยู่ในภาวะซบเซานับแต่เปิดศักราชใหม่เป็นต้นมา แอนดรูว์ วอล์กเกอร์ ผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจของบีบีซี ชี้ว่าเป็นผลมาจากความกังวลของนักลงทุนทั้งต่อสภาพเศรษฐกิจโลก และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่ไอเอ็มเอฟเองเตือนว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่นักลงทุนทั่วโลกจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอย่างกะทันหัน และหากตลาดยังจัดการกับความท้าทายต่าง ๆ ไม่ได้ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกก็อาจหยุดชะงัก

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทถือได้ว่าย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นปีใหม่ ซึ่งก็ไม่ต่างจากตลาดหุ้นทั้งที่แฟรงค์เฟิร์ต โตเกียว นิวยอร์ค ลอนดอนและเซี่ยงไฮ้ที่ซบเซาไม่แพ้กัน โดยเฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ ดัชนีหุ้นมีมูลค่าลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในเวลาเดียวกันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ดำดิ่ง ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำกว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 12 ปี ซึ่งก็ฉุดราคาหุ้นในธุรกิจน้ำมันให้ร่วงตามไปด้วย

ผู้สื่อข่าวชี้ว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของจีนจะไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้ตลาดหุ้นซบเซา แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความไร้เสถียรภาพที่ลุกลามไปทั่วโลก โดยตลาดหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักของจีนทำให้นักลงทุนจีนต้องขาดทุนมหาศาล ทั้งยังก่อให้เกิดแรงกดดันต่อค่าเงินหยวน โดยอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนของทางการจีนปรับตัวลดลงเกือบ 2% ในสัปดาห์แรกของปีนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่การอ่อนค่าลงอีกของเงินหยวนจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ผู้สื่อข่าวบอกว่านับตั้งแต่เศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวลงจากที่เคยเติบโตเฉลี่ย 10% มาร่วมสาม ทศวรรษ กลายเป็นมาเติบโตที่ 6.9% เมื่อปีที่แล้ว และล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวที่ 6.3% ในปีนี้ และ 6.0% ในปีหน้า ทำให้ทางการจีนถูกจับตาว่าจะรับมือกับสถานการณ์ได้ดีเพียงใด

ไอเอ็มเอฟ ยังเตือนด้วยว่าจีนจะประสบปัญหาการนำเข้าและส่งออกชะลอตัวรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ด้วย ซึ่งสะท้อนถึงกิจกรรมด้านการลงทุนและการผลิตที่ลดลง ขณะเดียวกันมีการคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าเศรษฐกิจจีนจะหันไปพึ่งพิงภาคบริการมากกว่าการผลิตซึ่งจะพุ่งเป้าผู้บริโภคชาวจีนเป็นหลัก ขณะที่การส่งออกและนำเข้าวัตถุดิบจะน้อยลง

นอกจากปัญหาในจีนแล้ว ผู้สื่อข่าวชี้ว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเอง ซึ่งไอเอ็มเอฟ คาดว่าจะขยายตัวเพียงเล็กน้อยในปีนี้ และจะกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อยในปีหน้า โดยไอเอ็มเอฟ ได้ปรับลดประมาณการณ์เติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะรัสเซียและบราซิล ซึ่งประสบปัญหาเศรษฐกิจจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงและปัญหาทางการเมือง

ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะนั่นอาจเป็นผลทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้
ไอเอ็มเอฟ ยังเตือนว่า อาจเกิดภาวะที่นักลงทุนทั่วโลกหลีกเลี่ยงความเสี่ยงขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่าง พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และทองคำ ซึ่งนี่เป็นภาวะที่เริ่มเกิดขึ้นแล้วในตลาดหุ้นหลายแห่งที่นักลงทุนพากันเทขายหุ้น และลดการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงน้ำมัน

ผู้สื่อข่าวบอกว่า ปัญหาต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ถือเป็นเรื่องที่สร้างความวิตกกังวลให้แก่นักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกและไอเอ็มเอฟเตือนว่า หากยังไม่สามารถจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ได้ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกก็คงต้องหยุดชะงัก #IMF


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top