มีข่าวว่าราคาน้ำมันดิบดูไบร่วงลงไปต่ำกว่า 30 US$/บาเรล ลงมาอยู่ที่ 27.35 US$/บาเรลแล้วครับ ร่วงลงไปเกือบ 3 เหรียญครับ
ผมเคยวิเคราะห์หลายครั้งแล้วว่า ราคาน้ำมันดิบจะร่วงลงไปแตะต่ำกว่า 20 US$/ บาเรลอย่างแน่นอน ผมเคยคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ราคาตกลงมาจาก 100 เหรียญมาอยู่ที่ระดับ 60 US$/บาเรล
น้ำมันดิบนั้นเป็นสินค้าที่กราฟ Supply มีลักษณะรูปตัว S ซึ่งมีคุณลักษณะสำคัญ คือ ราคาค่อนข้างอ่อนไหว Sensitive อย่างมาก รูปแบบราคาหากขึ้นจะขึ้นถึงที่สุด แต่หากเป็นขาลงก็จะลงอย่างที่สุดเช่นกัน ไม่มีใครเดาได้ว่า ราคาสูงสุด หรือต่ำสุดอยู่ที่ไหนกันแน่ ปีนี้ผมว่าเราเห็นราคาต่ำกว่า 20 US$/บาเรลเป็นแน่
สำหรับผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจโลกนั้นเราก็เห็นอยู่ว่า โครงสร้างระบบเศรษฐกิจโลกไม่เหมือนเดิม เพราะประเทศผู้ส่งออกน้่ำมันกลายเป็นประเทศผู้นำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรกรรมอื่นๆ จำนวนมาก เมื่อรายได้หลักที่มาจากน้ำมันลดลงไปมาก อำนาจซื้่อก็หายไปจากระบบมากมาย สุดท้ายก็ยิ่งดึงเศรษฐกิจโลกให้ตกต่ำลงไปอีก และประเทศผู้ผลิตไม่มีทางออกอื่น หากยังต้องการรักษาระดับรายได้รวมของประเทศเอาไว้ ก็ต้อง "ดูดน้ำมันเข้ามาขายในตลาดให้มากขึ้น" น้ำมันก็จะยิ่งล้นตลาดมากขึ้น เศรษฐกิจโลกปี 2559 คงซึมยาวต่อไปอีกจากปัญหาจิปาถะตั้งแต่เศรษฐกิจอเมริกาเริ่มถดถอย เศรษฐกิจจีนนั้นชะลอตัวลงตั้งแต่ปีที่แล้ว
สำหรับประเทศไทยสิ่งที่เราเห็นคือ ราคาน้ำมันลดลงมาก ทำให้ "ภาวะเงินเฟ้อในประเทศไทยตกต่ำมาหลายเดือนแล้ว" เงินเฟ้อติดลบคือ ภาวะเงินฟืด แต่กรณีนี้เราก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าเป็นเงินฝืดอย่างแท้จริง เพราะเป็นการตกลงของระดับราคาของสินค้าชนิดเดียว (แต่มีสัดส่วนมากในระบบเศรษฐกิจ เลยมีน้ำหน้กในการคำนวณเงินเฟ้อสูง" ก็ต้องรอดูว่าผลเสียจากภาวะเงินฝืดตรงๆ จะมีหรือไม่ แต่ผลกระทบทางอ้อม จากเศรษฐกิจโลกนั้นเราเจอกันแล้ว แต่ผมก็ได้ยินเพื่อนๆ บ่นกันประจำว่า "เงินหายาก" ในทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่ทราบว่ามันเป็นภาวะเงินฝืดจริงไหม เพราะผู้ที่ได้รับเงินเดือนนั้นไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่ แต่ผู้ที่ค้าขายทั้งหลายจะสัมผัสถึงยอดขายที่ลดลงได้รวดเร็วกว่า
ก็อย่างบทความก่อนหน้า ราคาน้ำมันในประเทศไทยนั้นในสายตาของผมมันถูกลงมากมายแล้ว และไม่ได้ช่วยให้ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นแต่อย่างใด แต่มีผลเสียต่อการใช้น้ำมันที่เริ่มเพิ่มสูงขึ้น เกิดภาวะไม่ประหยัด และต่อไปมาตรการประหยัดพลังงานลดโลกร้อนทั้งหลายก็อาจได้รับผลกระทบตามไปด้วย
ราคาน้ำมันที่ลดลงก็ไม่ได้ช่วยให้อำนาจซื้อของคนชั้นกลางเพิ่มขึ้นเท่าใดนัก (จากที่ประหยัดได้จากราคาน้ำมันลดลง) ส่วนต้นทุนต่อการขนส่งสินค้านั้นไม่ได้มีผลมากมายอะไร เพราะภาวะเงินฝืดอ่อนๆ ในตอนนี้ระดับราคาสินค้าในตลาดก็ไม่ได้สูงจนเกินไป
เอาเป็นว่า ราคาน้ำมันโลกตกต่ำครั้งนี้ ผลดียังมองไม่เห็นชัดเจนมากนัก ไม่ได้ช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจถดถอยแต่อย่างใด แต่ผลเสียต่อความไม่ประหยัดนั้นเริ่มมีผลแล้วเหมือนกันในตัวเลขสถิติการใช้พลังงานของกระทรวงพลังงาน
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น