0

ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องไทยติดตามผู้สูญหาย 82 คน รวมทั้งนายสมชาย นีละไพจิตร ที่หายตัวไปนานถึง 12 ปี
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่านายเซอิด ราอัด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ระบุว่า ครอบครัวของผู้สูญหายในไทย 82 คน ต้องการทราบข้อเท็จจริงและความคืบหน้าของกระบวนการสืบสวนว่าดำเนินไปถึงไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ซึ่งหายตัวไปเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 โดยขณะที่มีชีวิตอยู่ เขาทำหน้าที่เป็นทนายความให้กับผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายราย รวมถึงผู้ต้องหาในคดีปล้นอาวุธปืน ซึ่งบางรายระบุว่าถูกซ้อมทรมาน
ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องพนักงานสอบสวนที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวของนายสมชาย และยกคำร้องของครอบครัวนายสมชายที่ขอเป็นโจทก์ร่วม ทำให้ครอบครัวของนายสมชายไม่มีสิทธิในการยื่นฎีกา
เอเอฟพีรายงานว่า นายเซอิดได้วิพากษ์วิจารณ์การตัดสินของศาลอย่างรุนแรง โดยกล่าวหาศาลฎีกาว่า “พลาดโอกาสที่จะปกป้องสิทธิของผู้เสียหายที่จะได้รู้ความจริง ได้รับความยุติธรรมและการชดเชยจากการถูกบังคับสูญหาย” เขายังเรียกร้องให้ไทยออกกฎหมายกำหนดให้การบังคับสูญหายเป็นความผิดทางอาญาตามมาตรฐานสากล
เอเอฟพีรายงานด้วยว่า นายสมชายหายตัวไปในกรุงเทพฯ ในยุครัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร และเป็นช่วงที่มีการปะทะกันระหว่างทหารกับกลุ่มติดอาวุธในจังหวัดภาคใต้บ่อยครั้ง นายทักษิณซึ่งถูกรัฐประหารเคยเปิดเผยว่า นายสมชายถูกฆ่าโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐสี่คน อย่างไรก็ดี ไม่เคยมีการพบศพของเขา ส่วนการดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ มีขึ้นหลังจากมีพยานให้การว่า เห็นนายสมชายถูกจับขึ้นรถคันหนึ่งในคืนที่เขาหายตัวไป แต่การที่ไทยไม่ถือว่าการบังคับสูญหายเป็นความผิดทางอาญา ตำรวจที่เกี่ยวข้องจึงถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะและข่มขืนใจผู้อื่น ‪#‎EnforcedDisappearance‬


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top