0
รัฐบาลออก พ.ร.ก.เว้นภาษีเอสเอ็มอีที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยปี 58 ติดลบต่ำสุดในรอบ 6 ปี

รัฐบาลออก “พ.ร.ก.ยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2558” โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา กำหนดให้ผู้ประกอบการที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทในรอบบัญชีสิ้นสุดภายในวันที่ 31 ธ.ค.2558 ได้รับยกเว้นการตรวจสอบ ไต่สวน หรือถูกสั่งให้เสียภาษี รวมถึงได้รับการยกเว้นความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากรด้วย โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2559 เป็นต้นไป

สำหรับเหตุผลในการออก พ.ร.ก.ดังกล่าว เพื่อให้ระบบการจัดเก็บภาษีเงินได้สําหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ให้รัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี และสนับสนุนให้มีการจัดทําบัญชีที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของกิจการ

พ.ร.ก.ดังกล่าว มีเงื่อนไขใช้บังคับกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้ในปี 2558 ไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยธุรกิจต้องไม่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ถูกออกหมายเรียกประเมินภาษี หรือถูกดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน อัยการ และศาล และไม่เคยใช้หรือออกใบกำกับภาษีปลอม

นอกจากนี้ ยังต้องไม่มีการขอคืนภาษี และต้องยื่นคำร้องต่อกรมสรรพากรเพื่อขอยกเว้นการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง รวมทั้งต้องมีการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้ถูกต้อง และไม่ทำการหลีกเลี่ยงภาษีหลังจากวันที่ 1 ม.ค.เป็นต้นไป และในกรณีที่มีการขึ้นทะเบียนขอยกเว้นการตรวจสอบภาษีย้อนหลังแล้ว หากกรมสรรพากรพบว่าทำบัญชีหรืองบการเงินไม่ถูกต้อง จะถูกเพิกถอนสิทธิยกเว้นการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง

ที่ผ่านมามีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทั้งที่จดทะเบียนและไม่จดทะเบียนจำนวน 2.7 ล้านราย มีผู้ประกอบการที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพียง 7 แสนราย โดยมีจำนวนของผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้จดทะเบียนอยู่ถึงกว่า 2 ล้านราย

อีกด้านหนึ่ง อัตราเงินเฟ้อ หรือดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทยในปี 2558 นั้นเข้าสู่ระดับติดลบต่ำสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 โดยติดลบที่ร้อยละ 0.90 นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และราคาวัตถุดิบอาหารมีราคาต่ำลงเนื่องจากการผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น และสำหรับปี 2559 รัฐมีเป้าหมายให้เงินเฟ้อเป็นบวกร้อยละ 1-2 ภายใต้การคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 3-4



แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top