ชาวนาเสียประโยชน์อีกแล้ว! ขายข้าว 1 ล้านตันให้จีนใครได้ประโยชน์? "คอฟโก้"แปรสภาพเป็นเอกชน ขายแบบจีทูจีได้หรือ?
*******************************
ขายข้าวล็อตใหม่ให้บริษัทคอฟโก้ 1 ล้านตัน เป็นการขายแบบจีทูจีจริงหรือไม่ ใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์?
.
มีการเปิดเผยข่าวว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบการลงนามสัญญาขายข้าวแบบจีทูจีหรือแบบรัฐต่อรัฐให้บริษัทคอฟโก้ของจีน 1 ล้านตัน แต่ผู้ซื้อต้องการข้าวฤดูใหม่ซึ่งไม่มีในสต็อครัฐบาล จึงต้องนำข้าวของเอกชนไปส่งให้ผู้ซื้อแทน
.
ผมไม่ค่อยมั่นใจว่าใครกันแน่ที่จะได้ประโยชน์จากการขายข้าวในลักษณะนี้ และมีข้อสงสัยหลายประการที่อยากตั้งเป็นประเด็นให้ช่วยกันคิด โดยไม่เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาชี้แจง เพราะเคยเรียกร้องให้ชี้แจงหลายเรื่อง เช่น การขายข้าวเสื่อมให้โรงงานผลิตไฟฟ้าและผลิตปุ๋ย ก็ไม่เคยได้รับคำชี้แจง ผมมีข้อสังเกตและข้อสงสัยดังนี้
.
1. การซื้อขายข้าวล็อตนี้เป็นแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีจริงหรือไม่ ซึ่งผมขอให้ช่วยพิจารณา 2 ประเด็น คือ
.
(1) บริษัทคอฟโก(COFCO) มาซื้อขายข้าวในลักษณะที่เป็นรัฐหรือหน่วยงานของรัฐผู้ซื้อ(รัฐบาลจีน) หรือในลักษณะที่เป็นการทำธุรกิจเอกชน เพราะความจริงแล้วบริษัทคอฟโก้ได้แปรสภาพเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจแบบเอกชน และเป็นบริษัทที่ไปจดทะเบียนขายหุ้น(listed)ที่ตลาดหุ้นฮ่องกงมาหลายปีแล้ว นอกจากนี้ยังมีบริษัทในเครือคอฟโก้อีกหลายบริษัทที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งบริษัท COFCO Rice เป็นบริษัทลูกที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อีกบริษัทหนึ่งด้วย
.
ข้อน่าคิดก็คือ ถ้าบริษัทคอฟโก้ต้องการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐจริง ทำไมต้องระบุเงื่อนไขว่าต้องการข้าวฤดูใหม่เท่านั้น ทั้งๆที่คอฟโก้รู้ดีว่ารัฐบาลนี้ไม่มีข้าวฤดูใหม่ เพราะไม่ได้รับจำนำ และข้าวใหม่อยู่ในมือพ่อค้าเอกชนแล้วเกือบทั้งหมด
.
(2) ข้าวที่รัฐบาลไทยตกลงขายให้คอฟโก้ก็ไม่ใช่ข้าวของรัฐ จึงมีผลเท่ากับขายข้าวของเอกชนใช่หรือไม่
.
2. ประเด็นที่ผมสงสัยและขอเชิญชวนให้ช่วยกันวิเคราะห์ก็คือ ใครกันแน่ที่ได้ประโยชน์และใครคือผู้เสียประโยชน์? ผมขอเสนอให้ช่วยกันพิจารณาว่าจริงหรือไม่ดังนี้
.
ผู้ได้ประโยชน์ คือ
.
1. บริษัทคอฟโก้ได้ซื้อข้าวคุณภาพดีราคาถูกเพราะมีรัฐบาลไทยเป็นประกัน
.
2. ผู้ส่งออกข้าวไทยที่ได้ซื้อข้าวฤดูใหม่ไว้ในมือแล้วได้ขายข้าวในนามรัฐบาลไทย
.
ส่วนผู้เสียประโยชน์คือ
.
1. รัฐบาลไทยเพราะเสียโอกาสที่จะขายข้าวของรัฐที่มีอยู่ในสต็อคจริงๆ และต้องเสียค่าเก็บรักษาข้าวเหล่านี้ต่อไปอีก นอกจากนี้ยังต้องผิดชอบและรับภาระเสมือนเป็นผู้ขายอย่างแท้จริงเพราะถือว่าขายข้าวในนามรัฐบาลไทย และ
.
2. ชาวนาไทย เพราะได้ขายข้าวไปแล้วในราคาต่ำ
.
มีคำถามที่ควรได้คำตอบให้ชัดเจนก่อนที่รัฐบาลจะเซ็นสัญญาคือ การขายข้าวล็อตใหญ่นี้กำหนดราคาเท่าใด สูงหรือต่ำกว่าราคาตลาด ถ้าต่ำกว่าราคาตลาดรัฐบาลหรือผู้ส่งออกต้องรับภาระ ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลนี้เคยแถลงว่าจะดำเนินการให้โปร่งใส ปิดเผยให้ประชาชนทราบนะครับ
.
คราวนี้ผมไม่ขอเรียกร้องและยังไม่ขอฟันธง แต่อยากขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิดพิจารณาและเสนอแนะรัฐบาลให้ตัดสินใจให้ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติส่วนรวมจริงๆด้วยครับ
.
ยรรยง พวงราช
อดีต รมช.พาณิชย์
อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์
.
มีการเปิดเผยข่าวว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบการลงนามสัญญาขายข้าวแบบจีทูจีหรือแบบรัฐต่อรัฐให้บริษัทคอฟโก้ของจีน 1 ล้านตัน แต่ผู้ซื้อต้องการข้าวฤดูใหม่ซึ่งไม่มีในสต็อครัฐบาล จึงต้องนำข้าวของเอกชนไปส่งให้ผู้ซื้อแทน
.
ผมไม่ค่อยมั่นใจว่าใครกันแน่ที่จะได้ประโยชน์จากการขายข้าวในลักษณะนี้ และมีข้อสงสัยหลายประการที่อยากตั้งเป็นประเด็นให้ช่วยกันคิด โดยไม่เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาชี้แจง เพราะเคยเรียกร้องให้ชี้แจงหลายเรื่อง เช่น การขายข้าวเสื่อมให้โรงงานผลิตไฟฟ้าและผลิตปุ๋ย ก็ไม่เคยได้รับคำชี้แจง ผมมีข้อสังเกตและข้อสงสัยดังนี้
.
1. การซื้อขายข้าวล็อตนี้เป็นแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีจริงหรือไม่ ซึ่งผมขอให้ช่วยพิจารณา 2 ประเด็น คือ
.
(1) บริษัทคอฟโก(COFCO) มาซื้อขายข้าวในลักษณะที่เป็นรัฐหรือหน่วยงานของรัฐผู้ซื้อ(รัฐบาลจีน) หรือในลักษณะที่เป็นการทำธุรกิจเอกชน เพราะความจริงแล้วบริษัทคอฟโก้ได้แปรสภาพเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจแบบเอกชน และเป็นบริษัทที่ไปจดทะเบียนขายหุ้น(listed)ที่ตลาดหุ้นฮ่องกงมาหลายปีแล้ว นอกจากนี้ยังมีบริษัทในเครือคอฟโก้อีกหลายบริษัทที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งบริษัท COFCO Rice เป็นบริษัทลูกที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อีกบริษัทหนึ่งด้วย
.
ข้อน่าคิดก็คือ ถ้าบริษัทคอฟโก้ต้องการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐจริง ทำไมต้องระบุเงื่อนไขว่าต้องการข้าวฤดูใหม่เท่านั้น ทั้งๆที่คอฟโก้รู้ดีว่ารัฐบาลนี้ไม่มีข้าวฤดูใหม่ เพราะไม่ได้รับจำนำ และข้าวใหม่อยู่ในมือพ่อค้าเอกชนแล้วเกือบทั้งหมด
.
(2) ข้าวที่รัฐบาลไทยตกลงขายให้คอฟโก้ก็ไม่ใช่ข้าวของรัฐ จึงมีผลเท่ากับขายข้าวของเอกชนใช่หรือไม่
.
2. ประเด็นที่ผมสงสัยและขอเชิญชวนให้ช่วยกันวิเคราะห์ก็คือ ใครกันแน่ที่ได้ประโยชน์และใครคือผู้เสียประโยชน์? ผมขอเสนอให้ช่วยกันพิจารณาว่าจริงหรือไม่ดังนี้
.
ผู้ได้ประโยชน์ คือ
.
1. บริษัทคอฟโก้ได้ซื้อข้าวคุณภาพดีราคาถูกเพราะมีรัฐบาลไทยเป็นประกัน
.
2. ผู้ส่งออกข้าวไทยที่ได้ซื้อข้าวฤดูใหม่ไว้ในมือแล้วได้ขายข้าวในนามรัฐบาลไทย
.
ส่วนผู้เสียประโยชน์คือ
.
1. รัฐบาลไทยเพราะเสียโอกาสที่จะขายข้าวของรัฐที่มีอยู่ในสต็อคจริงๆ และต้องเสียค่าเก็บรักษาข้าวเหล่านี้ต่อไปอีก นอกจากนี้ยังต้องผิดชอบและรับภาระเสมือนเป็นผู้ขายอย่างแท้จริงเพราะถือว่าขายข้าวในนามรัฐบาลไทย และ
.
2. ชาวนาไทย เพราะได้ขายข้าวไปแล้วในราคาต่ำ
.
มีคำถามที่ควรได้คำตอบให้ชัดเจนก่อนที่รัฐบาลจะเซ็นสัญญาคือ การขายข้าวล็อตใหญ่นี้กำหนดราคาเท่าใด สูงหรือต่ำกว่าราคาตลาด ถ้าต่ำกว่าราคาตลาดรัฐบาลหรือผู้ส่งออกต้องรับภาระ ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลนี้เคยแถลงว่าจะดำเนินการให้โปร่งใส ปิดเผยให้ประชาชนทราบนะครับ
.
คราวนี้ผมไม่ขอเรียกร้องและยังไม่ขอฟันธง แต่อยากขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิดพิจารณาและเสนอแนะรัฐบาลให้ตัดสินใจให้ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติส่วนรวมจริงๆด้วยครับ
.
ยรรยง พวงราช
อดีต รมช.พาณิชย์
อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์

แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น