(ภาพการแถลงข่าวของไอเอ็มเอฟ)
ไอเอ็มเอฟปรับลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้ ด้าน กกร.ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย ชี้ส่งออกทั้งปีหดตัว 5% ขณะที่ธนาคารโลกชี้เศรษฐกิจไทยโตต่ำสุดในภูมิภาค
กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ปรับลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้จาก 3.3% ที่คาดไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม เป็น 3.1% และปรับลดของปีหน้าจาก 3.8% เป็น 3.6% โดยไอเอ็มเอฟเห็นว่าคงเป็นไปได้ยากที่เศรษฐกิจโลกจะกลับไปแข็งแกร่งและขยายตัวไปพร้อมกัน รายงานของไอเอ็มเอฟเตือนด้วยว่ายังคงมีความเสี่ยงที่เป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่เติบโตตามที่คาดไว้
ไอเอ็มเอฟระบุด้วยว่านับเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้วที่การเติบโตของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยเฉพาะบราซิล ไนจีเรีย แอฟริกาใต้ และรัสเซีย โดยเศรษฐกิจจีนที่เติบโตช้าลงทำให้ความต้องการวัตถุดิบจากประเทศดังกล่าวมีน้อยลง ส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ทองแดง และน้ำมันให้ปรับตัวลดลงไปด้วย
สำหรับจีนนั้น ไอเอ็มเอฟเห็นว่ากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากที่เศรษฐกิจเคยเติบโตอย่างรวดเร็วโดยได้แรงหนุนจากภาคการลงทุนและอุตสาหกรรมส่งออก ไปเป็นเติบโตในระดับปานกลางแต่ยั่งยืนกว่าโดยมีฐานจากการใช้จ่ายในภาคบริการของผู้บริโภคชาวจีน
ส่วนยุโรปนั้น ไอเอ็มเอฟคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจในหมู่ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร 19 ประเทศ จะโต 1.5% ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะโต 0.6% ในปีนี้
ส่วนที่เมืองไทย สำนักข่าวไทยรายงานอ้างคำพูดนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีมติปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปีนี้เหลือ 2.5-3% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 3-3.5% และคาดว่าการส่งออกทั้งปีจะหดตัวถึง 5%
สำหรับปัจจัยที่ต้องปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจนั้น มาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าที่หดตัวลงถึง 6.7% จากความต้องการของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก ทั้งญี่ปุ่น เยอรมนี และสหรัฐ กับอาเซียนที่ชะลอตัว ขณะที่การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมขยายตัวต่ำลง 24.7% เมื่อเทียบกับการขยายตัว 39.4% ในเดือนก่อนหน้านี้
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาธนาคารโลกได้ปรับลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้ลงจาก 3.5% เหลือ 2.5% ซึ่งต่ำสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ส่วนปีหน้าได้ปรับลดจาก 4% เหลือ 2% จากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเมษายน เนื่องจากการบริโภคภาคครัวเรือนและการลงทุนภาคเอกชนจะฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย รายงานของธนาคารโลกชี้ด้วยว่าการท่องเที่ยวไทยยังอาจได้รับผลพวงจากเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ ‪#‎WorldEconomicOutlook‬ ‪#‎Bangkokbomb‬



 
Top