ประธาน นปช. สุดทน ยืนโต้ตำรวจโยงข้อหาระเบิดใส่ นปช. ประกาศลั่นไม่ให้ใครมาย่ำยี หาเรื่องกระทืบเล่นง่ายๆ ทั้งๆอยู่นิ่งๆแล้ว ถาม หรืออยากมีเรื่องจึงอยู่กันไม่เป็นสุข ระบุอาเดมรับสารภาพยืมไทยเป็นกระบอกส่งเสียงอุยกูร์กลับจีนต่อชาวโลก
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกลผ่านยูทูปเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมนี้ ว่า กรณีของนายอ๊อด พยุงวงศ์ ที่ถูกโยงมาถึง นปช. คนเสื่้อแดงนั้น เริ่มเล็กลง เนื่องจากตำรวจสงสัยเป็นเพียงการ์ดอาสา หรือการ์ดรับจ้างมากกว่าเป็นการ์ดเพื่ออุดมการณ์ และตำรวจนครบาลได้ตั้งชุดไล่ล่า 4 ชุด ออกตามหาตัว
ประธาน นปช. กล่าวว่า สาระหลักอยู่ที่การโยนบาปมาใส่ นปช. และยืนยันว่า นายอ๊อด ไม่ได้เป็นการ์ด นปช. หรือการ์ดอาสาใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่มีชื่อในระบบทะเบียนของ นปช. โดย นปช. มีการ์ดมากถึง 3,000 คน ถ้านายทหารคนหนึ่งบอกว่ามีรูปภาพควรแสดงออกมา หรือจำหน้าได้ต้องยอมรับว่า สมองเป็นเลิศ ส่วนการถูกดำเนินคดีฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินในปี 2553 นั้น สาเหตุตามคดีระบุเป็นเพียงพยายามเข้าไปในที่ชุมนุมเท่านั้น
พร้อมกับกล่าวว่า ประวัติของนายอ๊อดที่ต้องคดีรวม 9 คดีนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากข้อหาดมกาว เสพยาบ้า เล่นการพนัน ไม่เกี่ยวข้องกับระเบิดทั้งในเหตุการณ์เกิดขึ้นที่สมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง ปี 2553 โดยเฉพาะระเบิดย่านมีนบุรีเมื่อปี 2557 นั้น ยังไม่มีคดีใดๆ เกิดขึ้น แต่ตำรวจพยายามโยงนายอ๊อดเพื่อให้เลี้ยวมาเล่นงานคนเสื้อแดง เพราะเชื่อว่าเป็นของตายสามารถเล่นงานได้
นายจตุพร กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสบงแห่งชาติ (คสช.) ว่า ตนเองก็เป็นลูกผู้ชายพอ แม้ไม่ได้สวมเครื่องแบบนายพลทหาร แต่พูดคำไหนคำนั้น ไม่เคยหวั่นไหวจึงกล้ายืนท้าทายกับตำรวจ เพราะจะไม่ยอมให้ใครมาหาเรื่องยัดข้อหาเพื่อย่ำยีขบวนการ นปช.เด็ดขาด ที่ผ่านมา นปช. อยู่ตามวิถีและนิ่งมาตลอด แต่ระหว่างเส้นทางกลับถูกกระทืบ ซึ่งคงต้องการมีเรื่องจึงโยนคนดมกาว ติดยาบ้ามาเกี่ยวข้องทางการเมือง แล้วคิดว่าฉลาด แต่วิธีการสกปรกแบบนี้จะทำให้สถานการณ์ไม่ดีขึ้น
"เราอยู่ของเรา ท่านก็อยู่ของท่าน ทำไมการแสดงความเห็นของเรา จึงคิดจะโค่นล้มกัน ซึ่งจะอยู่กันไม่เป็นสุขเลย ทำไมปล่อยให้ลูกน้องมากระทืบ ทำไมไม่ให้เกียรติแบบคนด้วยกัน หลายครั้งระหว่างทางเมื่อนึกอะไรไม่ออกก็เลี้ยวเลย ท่านไปพูดที่สหประชาชาติ ไม่รู้สึกบ้างหรือว่า คนในประเทศไปตั้งข้อหาคนดมกาว เสพยาบ้า เป็นผู้เชี่ยวชาญระเบิด เพื่อยัดข้อหาให้ นปช. คนเสื้อแดง"
นายจตุพร เรียกร้องให้ตำรวจไปศึกษาอาการคนดมกาวและเสพยาบ้าว่า เป็นคนอย่างไร และจะไปหาวัสดุมาประกอบระเบิดได้หรือ อาการคนประเภทนี้ ใจสั่น มือสั่น จิตหลอน สมองเสื่อม ถ้าเชื่อว่า นายอ๊อดเก่งจริง และประกอบระเบิดได้ ควรนำตัวมาทำระเบิดต่อหน้านายพลตำรวจทั้งหลายจะกล้านั่งล้อมวงดูหรือไม่
ส่วนนายอาเดม คาราดัก รับสารภาพเป็นชาวอุยกูร์ และเป็นมือวางระเบิดนั้น นายจตุพร ย้ำข้อพิรุธว่า อยู่ดีๆคนมีหน้าตา รูปร่างไม่เหมือนชายเสื้อเหลือง แต่รับสารภาพเป็นมือวางระเบิด เพราะมีเป้าหมายจะบอกว่า คนอุยกูร์ทำ แล้วถูกนำไปเชื่อมกับเหตุการณ์ส่งชาวอุยกูร์ 109 คน ให้ประเทศจีน คำสารภาพเช่นนี้เท่ากับยืมมือประเทศไทยเป็นกระบอกเสียง จึงไม่ธรรมดาและลึกซึ้ง ส่วนตำรวจกลับมองเพียงชั้นเดียว ดีใจที่จับคนร้ายได้ คิดง่ายกันเหลือเกิน
กรณีซิงเกิล เกตเวย์ นายจตุพร กล่าวว่า การให้มีการเชื่อมต่อการสื่อสารในโลกโซเชียลเหลือเพียงประตูเดียวเท่านั้น จากที่เคยมีมากกว่า 10 ช่องทางเมื่อปี 2540 จึงถูกต่อต้านเพราะไปละเมิดสิทธิเสรีภาพการสื่อสารในโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่รู้จะหาเรื่องอีกทำไม เมื่อมีปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจนให้แก้ไขมากมายอยู่แล้ว ส่วนการแต่งตั้งประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นั้น เชื่อว่า ถึงที่สุดนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช.คงต้องรับหน้าที่ประธาน กรธ. เพราะเป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นจึงสะท้อนว่า ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ออกมาแบบใดระหว่างแบบที่เคยเขียนในปี 2534 จนนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 หรือต้องการให้เป็นแบบรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ในชุดนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานยกร่างขึ้นมา จึงอยู่ที่ผู้นำประเทศต้องการอย่างไรเท่านั้น