เอล เยียร์โร หนึ่งในเกาะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก
เอล เยียร์โร เป็นเกาะขนาดเล็กที่สุดและโดดเดี่ยวที่สุดแห่งหนึ่งในหมู่เกาะคานารีของสเปน เกาะแห่งนี้ได้ใช้ประโยชน์จากพลังงานน้ำและกระแสลมมาผลิตไฟฟ้าใช้เอง จนทำให้กลายเป็นหนึ่งในเกาะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก
ช่วง 30 กว่าปีที่ผ่านมา ชาวเกาะเอล เยียร์โร ต่างใฝ่ฝันที่จะพึ่งพาตนเองในเรื่องของพลังงาน และเมื่อเดือน ก.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมา พวกเขาได้เดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังน้ำและลมโกโรนาอย่างเต็มรูปแบบ และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้ารองรับความต้องการของชาวบ้านได้ราวครึ่งหนึ่ง ซึ่งนั่นหมายความว่า ต่อไปนี้ประชากรบนเกาะราว 10,000 คน จะพึ่งพากระแสไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานดีเซลน้อยลง และในอนาคตยังตั้งเป้าที่จะผลิตไฟฟ้ารองรับความต้องการของคนบนเกาะได้ 100% ตลอดทั้งปี
เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาโรงไฟฟ้าแห่งนี้ ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ 300 ตันต่อเดือน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 500 ตันในเร็ว ๆ นี้ หรือเท่ากับประหยัดน้ำมันได้ปีละ 40,000 บาเรล และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปีละ 19,000 ตัน
ความโดดเด่นของโรงไฟฟ้าแห่งนี้คือ การผสมผสานการใช้พลังงานจากน้ำและกระแสลม โดยเป็นการทำงานสอดประสานกันของกังหันลม 5 ตัว ซึ่งมีกำลังการผลิต 11.5 เมกะวัตต์ กับอ่างเก็บน้ำจืด 2 แห่ง โดยแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ความสูง 700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ส่วนอีกแห่งตั้งอยู่เบื้องล่างใกล้กับแนวชายฝั่ง
นอกจากเกาะเอล เยียร์โร แล้ว ปัจจุบันยังมีอีกหลายเกาะที่ตั้งเป้าที่จะพึ่งพาตนเองในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยนับแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ชาวบ้านเกือบ 100 คนบนเกาะเอ้กของสกอตแลนด์ เห็นพ้องที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และปัจจุบันได้หันมาใช้กระแสไฟฟ้าที่ได้จากพลังน้ำ,ลม และแสงอาทิตย์ ส่วนที่เกาะซัมเซอ ในเดนมาร์ก ซึ่งมีประชากร 4,000 คน สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน และตั้งเป้าจะเลิกใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างสิ้นเชิงภายในปี 2573
ภาพประกอบ โรงโฟฟ้าพลังลมโกโรนา บนเกาะเอล เยียร์โร