หลังเหตุกราดยิง โอบามาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมแก้ปัญหาการครอบครองอาวุธ เขาระบุว่าการกราดยิงและการแสดงความเสียใจ “กำลังกลายเป็นงานประจำ... พวกเราชินชากับมันเสียแล้ว”
ในการแถลงข่าวของประธานาธิบดีสหรัฐฯหลังเกิดเหตุกราดยิงที่วิทยาลัยชุมชนในโอเรกอนจนมีผู้เสียชีวิตไป 9 คน นายโอบามาแถลงกับสื่อมวลชนแสดงความเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็แสดงความอึดอัดอย่างชัดเจน นายโอบามาย้ำอีกครั้งถึงต้นตอของปัญหาว่าเพราะมีการยอมให้ครอบครองอาวุธ เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การกราดยิงในสหรัฐฯกำลังกลายเป็นเรื่องปกติหรือเป็นงานประจำ การพูดถึงปัญหาคนตายหลังเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการซักถามจากผู้สื่อข่าวหรือการตอบคำถามของตนต่างกลายเป็นเรื่องปกติไปหมด เขาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสนับสนุนให้มีการควบคุมการครอบครองอาวุธเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นตอ
“ทุกครั้งที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ผมก็ต้องพูดเรื่องนี้อีก และนี่ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะทำได้เพียงลำพัง”
“ผมหวังและผมภาวนา ว่าขณะที่ยังอยู่ในตำแหน่ง จะไม่ต้องออกมาพูดแบบนี้อีก ว่าจะไม่ต้องแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย แต่ถ้าดูจากประสบการณ์ในการเป็นประธานาธิบดี ผมรับประกันไม่ได้ พูดแบบนี้มันฟังดูแย่ แต่อันที่จริงแล้วเราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้”
“ผมหวังและผมภาวนา ว่าขณะที่ยังอยู่ในตำแหน่ง จะไม่ต้องออกมาพูดแบบนี้อีก ว่าจะไม่ต้องแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย แต่ถ้าดูจากประสบการณ์ในการเป็นประธานาธิบดี ผมรับประกันไม่ได้ พูดแบบนี้มันฟังดูแย่ แต่อันที่จริงแล้วเราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้”
นายโอบามาเรียกร้องชาวอเมริกันให้สนับสนุนเขาในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการครอบครองอาวุธ “ถ้าคุณเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา คุณก็ควรจะต้องคาดหวังให้คนที่จะเลือกเข้ามาเห็นให้ตรงกัน” เขาขอให้สื่อเปรียบเทียบจำนวนคนอเมริกันที่ตายเพราะการก่อการร้ายกับที่ตายเพราะความรุนแรงอันเนื่องมาจากการใช้ปืน เขาบอกว่า สหรัฐฯใช้เงินจำนวนมากในการต่อต้านการก่อการร้าย แต่สภาคองเกรสไม่ทำแม้แต่จะสนับสนุนให้มีการศึกษาเรื่องความรุนแรงจากการมีอาวุธในครอบครอง
“นี่คือสิ่งที่เราเลือกแล้ว พวกเราทุกคนต้องร่วมรับผิดชอบต่อครอบครัวที่สูญเสียคนที่พวกเขารัก เนื่องจากเราต่างไม่ลงมือทำอะไร”
“คุณจะพูดได้อย่างไรว่าการมีปืนมากขึ้นทำให้เราปลอดภัย”
“คุณจะพูดได้อย่างไรว่าการมีปืนมากขึ้นทำให้เราปลอดภัย”
นายโอบามายกตัวอย่างอังกฤษและออสเตรเลียที่มีกฎหมายควบคุมการมีอาวุธปืนซึ่งทำให้ในที่สุดสามารถแก้ปัญหาการกราดยิงประชาชนได้ เขาบอกว่าสหรัฐฯเป็นประเทศเดียวที่ไม่มีกฎหมายที่ดีพอในการควบคุมการมีอาวุธ ในตอนหนึ่งของการแถลงข่าว เขาบอกว่า การแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็ยังไม่ถือว่าดีพอ เพราะในที่สุดแล้วมันไม่ได้ช่วยป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้อีกทุกเมื่อในสหรัฐฯ
สำหรับเหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้น รายงานข่าวระบุว่า คนลงมือเป็นชายวัย 20 และได้ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตไปด้วย มีรายงานข่าวที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า ได้มีการลงข้อความในโซเชียลมีเดียเตือนนักศึกษาไม่ให้เดินทางไปเรียนแต่ข้อความนี้ถูกลบออกไปในเวลาต่อมา