ปูตินจู่โจมสหรัฐฯ ในกรณีซีเรีย โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวได้อย่างไร
จอน โซเปล บรรณาธิการข่าวบีบีซีประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือรายงานว่า เรื่องที่รัสเซียดำเนินปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียนั้น ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะรัสเซียได้ยืนกรานมาตลอดว่าสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด และเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ก็ได้พบหารือกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ เพื่ออธิบายถึงแผนการของรัสเซีย และถึงแม้ว่าทั้งสองชาติยังมีความเห็นที่ต่างกันมาก แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ก็ได้เผยว่า ทางสหรัฐฯ มีความเข้าใจดีขึ้นถึงเป้าหมายของรัสเซีย
ผู้สื่อข่าวได้ขยายความถึงเรื่องนี้ให้ฟังว่า จังหวะที่สหรัฐฯ ได้รับรู้ถึงแผนการของรัสเซียนั้น เป็นช่วงที่ระทึกใจยิ่งนัก เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้น เมื่อนักการทูตรัสเซียคนหนึ่งโทรศัพท์ไปหานักการทูตสหรัฐฯ ที่ประจำการในกรุงแบกแดดว่า “เรามีเรื่องน่าสนใจจะบอกให้คุณได้ทราบ” จากนั้นนายพลรัสเซียคนหนึ่งก็เดินทางออกจากสถานทูตรัสเซียเพื่อไปพบทูตทหารอเมริกันที่สถานทูตสหรัฐฯ และเผยว่าการโจมตีทางอากาศในซีเรียจะมีขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ดังนั้นสหรัฐฯ ควรออกไปจากน่านฟ้าซีเรีย และเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ รวมทั้งสมบัติทั้งหมดออกไปจากภาคพื้นดินด้วย และอีก 60 นาทีถัดมา รัสเซียก็เริ่มเปิดฉากโจมตีทางอากาศ
ทั้งนี้ หากจะพูดว่าสหรัฐฯ ถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ด้วยการแจ้งแผนแบบไม่ธรรมดาของรัสเซียดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ก็ยังนับว่าน้อยไป และการหารือระหว่างสองผู้นำโลก เพื่อเคลียร์ปัญหาเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น มีความหวังว่าทั้งสองชาติจะร่วมมือและจริงใจต่อกัน ทั้งที่นโยบายแตกต่างกันมาก
ผู้สื่อข่าวชี้ว่า เป็นเรื่องที่เสี่ยงมากหากเครื่องบินรบสหรัฐฯ กับรัสเซียจะเกิดปะทะกัน และยังมีปัญหาว่า สหรัฐฯ กับรัสเซียจะผลัดกันทิ้งระเบิดถล่มเป้าหมายของแต่ละฝ่ายหรือไม่ นอกจากนั้นยังมีประเด็นคำถามเรื่องเป้าหมายด้านยุทธศาสตร์ว่า รัสเซียพยายามจะทิ้งระเบิดถล่มเป้าหมายเพื่อทำลายกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) หรือพยายามจะสนับสนุน ปธน. อัล-อัสซาดกันแน่ ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯ มองว่า ทั้งสองเป้าหมายนี้ต่างกันมาก ในขณะที่รัสเซียกลับมองว่า เป้าหมายทั้งสองไม่สู้มีความแตกต่างกันมากนัก
จากหลักฐานการทิ้งระเบิดของรัสเซีย จะเห็นได้ว่ารัสเซียทิ้งระเบิดในพื้นที่ที่ไม่มีนักรบไอเอสอยู่เลย หรืออีกนัยหนึ่ง รัสเซียได้โจมตีกบฏกลุ่มอื่นที่สู้รบกับปธน. อัล-อัสซาด เรื่องนี้จุดประกายคำถามใหญ่ขึ้นมาอีกคำถามหนึ่ง คือจะเกิดอะไรขึ้นหากรัสเซียเริ่มโจมตีกลุ่มกบฏที่สหรัฐฯ หนุนหลังอยู่ ผู้สื่อข่าวชี้ว่าเรื่องคงจบไม่สวยแน่ และใครจะรู้ได้บ้างว่า ขณะนี้มีหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ ที่คอยช่วยเหลือกลุ่มกบฏดังกล่าวอยู่ในซีเรียจำนวนเท่าใด จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาถูกโจมตี และพวกเขาจะเรียกทหารอเมริกันมาช่วยเสริมกำลังทางอากาศ เพื่อให้รอดพ้นจากการโจมตีของรัสเซียหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการหารือระหว่างปธน. โอมาบากับปธน. ปูติน เมื่อคืนวันจันทร์ สหรัฐฯ เข้าใจตรงกับรัสเซียว่า จำเป็นต้องโจมตีและทำลายไอเอส แต่เรื่องที่ยังตกลงกันไม่ได้คือ บทบาทของปธน. อัล-อัสซาด ต่ออนาคตการเมืองของซีเรีย
ในวันแรกของการโจมตี ดูเหมือนว่ารัสเซียไม่ได้แยกแยะเป้าหมายระหว่างกบฏกลุ่มต่าง ๆ หากกลุ่มใดลุกขึ้นต่อต้านและสู้กับปธน. อัล-อัสซาด พวกเขาอาจถูกเครื่องบินรบรัสเซียโจมตีได้ง่าย ๆ เรื่องนี้ทำให้นายแอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า อันตรายมากที่รัสเซียกำลังเอาน้ำมันราดลงบนกองไฟ อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวชี้ว่าดูเหมือนว่าปธน. ปูตินเดินเกมได้เหนือกว่าปธน. โอบามา เจ้าหน้าที่การทูตสหรัฐฯ คนหนึ่งเคยบอกผู้สื่อข่าวบีบีซีว่า เมื่อวันที่ปธน. โอบามา พ้นตำแหน่ง เขาจะได้รับเสียงชื่นชมกรณีบรรลุข้อตกลงเรื่องโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน แต่เขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่กล้าตัดสินใจและไร้ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวกรณีนโยบายต่อซีเรีย ขณะที่นายปูตินนั้นแน่วแน่มาตลอดว่า ต้องการป้องกันท่าเรือน้ำลึกของรัสเซียเพียงแห่งเดียวในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก และจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องท่าเรือน้ำลึกแห่งนี้ ดังนั้นดูเหมือนว่าในตอนนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ มีเรื่องที่จะต้องตัดสินใจว่า จะยอมเสี่ยงเผชิญหน้ากับรัสเซีย หรือจะยอมรับว่าปธน. อัล-อัสซาด จะสามารถอยู่ในอำนาจได้ต่อไป และจะอยู่ต่อไปอีกนาน นี่เป็นทางเลือกที่ตัดสินใจไม่ได้ง่าย ๆ
ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ของผู้นำสหรัฐฯ ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อวันจันทร์ ปธน. โอบามาชี้ว่าสหรัฐฯ “เลือกที่จะร่วมมือ แทนที่จะเลือกมีข้อพิพาท นี่ไม่ใช่ทางเลือกที่แสดงถึงความอ่อนแอ แต่เป็นความแข็งแกร่ง” อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวบอกว่า นี่ไม่ใช่วิธีปฏิบัติของปธน. ปูติน และวิกฤตในซีเรียที่ยุ่งเหยิงบานปลายจนยากที่จะคุมได้ มาถึงจุดที่ความซับซ้อนและอันตรายได้ทวีเพิ่มขึ้นอย่างมากแล้ว
ภาพประกอบ ภาพแรก ปธน. ปูติน กับปธน. โอบามา, ภาพ 2 การโจมตีทางอากาศของรัสเซียในซีเรีย, ภาพ 3 รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย (ซ้าย) ปธน. ปูติน (กลาง) และรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ (ขวา) ในระหว่างการหารือที่นครนิวยอร์ก