องค์กรนอกภาครัฐดำเนินคดีกองทัพสวีเดนอ้าง "จ่ายใต้โต๊ะ" แลกสัญญาซื้อเครื่องบิน
.
เว็บไซต์ของสมาคมเพื่อสันติภาพและการไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งแห่งสวีเดน (The Swedish Peace and Arbitration Society, SPAS) องค์กรนอกภาครัฐด้านการส่งเสริมสันติภาพที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้ประกาศว่า ทางองค์กรได้ยื่นเรื่องดำเนินคดีกับองค์กรบริหารด้านยุทธภัณฑ์ของสวีเดน (FMV) หลังสงสัยว่าจะมีการจ่ายสินบนเกี่ยวเนื่องกับการขายเครื่องบินรบแบบ Jas 39 Gripen ให้กับประเทศไทย
.
เว็บไซต์ของสมาคมเพื่อสันติภาพและการไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งแห่งสวีเดน (The Swedish Peace and Arbitration Society, SPAS) องค์กรนอกภาครัฐด้านการส่งเสริมสันติภาพที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้ประกาศว่า ทางองค์กรได้ยื่นเรื่องดำเนินคดีกับองค์กรบริหารด้านยุทธภัณฑ์ของสวีเดน (FMV) หลังสงสัยว่าจะมีการจ่ายสินบนเกี่ยวเนื่องกับการขายเครื่องบินรบแบบ Jas 39 Gripen ให้กับประเทศไทย
SPAS ได้อ้างข้อมูลของ Blank Spot Project สื่อออนไลน์ ซึ่งเปิดเผยรายงานฉบับหนึ่งเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา อ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ 37 รายได้รับทุนการศึกษา ในมหาวิทยาลัยของสวีเดนโดยเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขายเครื่องบินรบ ซึ่งหน่วยงานต่อต้านการทุจริตมองว่าความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับรัฐบาลทหารอาจมีเรื่องของการทุจริตมาเกี่ยวข้อง
"เรารู้ว่าการค้าอาวุธระหว่างประเทศมักมีการทุจริตเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ แม้ว่าทั้งบริษัทและรัฐบาลเหล่านี้จะออกมาปฏิเสธ ข้อเท็จจริงที่ว่าเจ้าหน้าที่ไทยได้รับทุนให้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของสวีเดนแบบฟรีๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขายเครื่องบินรบ JAS อาจเป็นอีกรูปแบบของการให้สินบน ซึ่งเราเชื่อว่าเรื่องนี้ควรต้องมีการตรวจสอบ" แอนนา เอก จาก SPAS กล่าว
สำหรับเครื่องบินรบรุ่นนี้ รัฐบาลของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้อนุมัติจัดซื้อล็อตแรกจำนวน 6 ลำ พร้อมระบบเรดาร์ ERIEYE ตั้งแต่ปี 2008 แม้จะมีเสียงทักท้วงแต่แรกว่าเป็นการจัดซื้อที่แพงกว่าประเทศอื่นๆ แต่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ผลักดันซื้อเป็นผลสำเร็จด้วยเงินงบประมาณงวดแรกรวมทั้งสิ้น 19,000 ล้านบาท
จากนั้นรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ให้ไฟเขียว จัดซื้อเครื่องรุ่นเดียวกันเป็นล็อตที่สองอีก 6 ลำด้วยเงินงบประมาณ 16,000 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคม 2010
SPAS กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สวีเดนเคยประกาศว่าไม่มีข้อตกลงอื่นใดที่ทำให้เกิดข้อตกลงซื้อขายเครื่องบินรบดังกล่าวกับรัฐบาลไทย แต่ข้อมูลใหม่ที่เผยแพร่บน Blank Spot Project ชี้ให้เห็นว่า การมอบทุนการศึกษาให้กับเจ้าหน้าที่ไทย 37 นาย เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาดังกล่าว แม้จะมิได้มีการระบุชื่อของบุคคลที่ได้รับทุนเป็นที่แน่ชัด รวมถึงผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากรัฐบาลทหาร
นอกจากนี้ บทความดังกล่าวยังเผยให้เห็นว่ากระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน โดยสถานทูตสวีเดนประจำประเทศไทยพยายามลดกระแสความรุนแรงของการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมืองไทยเพื่อใช้ในการพิจารณาอนุมัติการจัดซื้อของรัฐบาลทหารไทย
แอนนา เอก กล่าวว่า บทความของ Blank Spot Project แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความโปร่งใส และความจำเป็นที่นักข่าวต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวเนื่องกับการค้าอาวุธสงครามได้ พร้อมเรียกร้องให้มีการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการขายเครื่องบินรบรุ่นนี้ให้กับรัฐบาลไทยต่อสาธารณะ