"หนี้สาธารณะ"พุ่ง!! เพิ่มเกือบทุกตัว เดือนส.ค.เพิ่มจากเดือนก.ค.กว่า 1.81 หมื่นล้านบาท 

*****************************************

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) แถลงสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2558 ดังนี้

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2558 มีจำนวน 5,736,644.08 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.81 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 18,171.13 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.หนี้ของรัฐบาล 4,110,887.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,508.47 ล้านบาท
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,051,658.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,293.34 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 551,176.34 ล้านบาท ลดลง 7,478.15 ล้านบาท
4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 22,922.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 847.46 ล้านบาท

////////////////////////////////////////////////////////////

**รายละเอียด**

รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2558

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 สิงหาคม 2558 มีจำนวน 5,736,644.08 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.81 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 18,171.13 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.หนี้ของรัฐบาล มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 19,508.47 ล้านบาท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

1.1การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 33,000 ล้านบาท
1.2การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 6,025.17 ล้านบาท มีรายการที่สำคัญ ดังนี้
1.2.1.การกู้เงินเพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ จำนวน 2,661.08 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 791.67 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีเขียว และสายสีม่วง การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 68.02 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,801.39 ล้านบาท สำหรับโครงการซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340-600
1.2.2.การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 3,147 ล้านบาท

1.2.การชำระหนี้ต้นเงินกู้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 20,345 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
-ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู (FIDF 1) จำนวน 13,466.33 ล้านบาท
-ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่ 2 (FIDF 3) จำนวน 6,878.67 ล้านบาท

.

2.หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 5,293.34 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
2.1.ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆเพิ่มขึ้น 6,685.19 ล้านบาท
2.2.การชำระคืนหนี้มากกว่าการเบิกจ่ายเงินกู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้หนี้ลดลง 1,391.85 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้ต่างประเทศ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 1,599.39 ล้านบาท การไถ่ถอนพันธบัตรของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 2,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตรของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 3,000 ล้านบาท เพื่อการลงทุนตามโครงการและเป็นเงินบาทสมทบสำหรับโครงการเงินกู้ต่างประเทศ

.

3.หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) มียอดหนี้คงค้างลดลง 7,478.14 ล้านบาท โดยมีรายการที่สำคัญ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระหนี้เงินต้นที่กู้มาเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้เงินจากการระบายข้าว จำนวน 5,460 ล้านบาท และธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่กู้มาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนด จำนวน 2,000 ล้านบาท

.

4.หน่วยงานของรัฐ มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 847.46 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการกู้เงินของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อดำเนินโครงการการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในฤดูผลิต ปี 2557/2558 จำนวน 872.31 ล้านบาท

.

หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2558 เท่ากับ 5,736,644.08 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ในประเทศ 5,384,061.20 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.85 และหนี้ต่างประเทศ 352,582.88 ล้านบาท (ประมาณ 10,052.92 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือเท่ากับร้อยละ 6.15 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และหากเปรียบเทียบกับเงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน 155,838.10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ 31 สิงหาคม 2558) หนี้ต่างประเทศ จะคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.45 ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและความมั่นคงในด้านการเงินของประเทศ

โดยหนี้สาธารณะแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาวถึง 5,542,534.01 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.62 และ มีหนี้ระยะสั้น 194,110.07 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.38 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

**************************************

รายงานผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนสิงหาคม 2558

สบน. มีการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ วงเงินรวม 73,407 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ของรัฐบาล จำนวน 61,744.57 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 11,662.43 ล้านบาท
.
1.การบริหารจัดการหนี้ของรัฐบาล วงเงิน 61,744.57 ล้านบาท ประกอบด้วย
.
1.1.ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐบาล จำนวน 37,081.69 ล้านบาท
1.1.1.การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 33,000 ล้านบาท
1.1.2.การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ จำนวน 75 ล้านบาท
1.1.3.การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 859.69 ล้านบาท
1.1.4.การเบิกจ่ายเงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 3,147 ล้านบาท
.
1.2การกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศของรัฐบาล กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้และการลงนามสัญญาเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 1,943.48 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.2.1.การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme จำนวน 1,801.39 ล้านบาท เพื่อให้กู้ต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการซื้อเครื่องบิน แอร์บัส A340-600
1.2.2.การเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 142.09 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง
.
1.3.การชำระหนี้ของรัฐบาล จำนวน 22,719.40 ล้านบาท แบ่งเป็น
1.3.1.การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 672.44 ล้านบาท แบ่งเป็น
1.3.1.1.ชำระต้นเงิน จำนวน 374.49 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชำระหนี้ต่างประเทศ โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนว
1.3.1.2.ชำระดอกเบี้ย จำนวน 297.95 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน แบ่งเป็น ดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ 164.70 ล้านบาท และดอกเบี้ยหนี้ต่างประเทศ 133.25 ล้านบาท

1.3.2.การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 22,046.96 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งเป็น
1.3.2.1.การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 13,588.68 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 13,466.33 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย 122.35 ล้านบาท
1.3.2.2.การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 3) จำนวน 8,458.28 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 6,878.66 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย 1,579.62 ล้านบาท

2.การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงิน 11,662.43 ล้านบาท ประกอบด้วย
.
2.1.การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 3,000 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินในประเทศของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในรูปของพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เพื่อการลงทุนตามโครงการและเป็นเงินบาทสมทบสำหรับโครงการเงินกู้ต่างประเทศ

2.2.การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ จำนวน 62.43 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้จากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ของการประปานครหลวง สำหรับโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 8

2.3.การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 8,600 ล้านบาท ประกอบด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย 5,300 ล้านบาท และการเคหะแห่งชาติ 3,300 ล้านบาท


 
Top