"บุราคุมิน" ชนชั้นต้องห้ามในสังคมญี่ปุ่น
แม้สังคมญี่ปุ่นจากภายนอก จะดูเป็นสังคมที่มีความเป็นเอกภาพและมีความกลมกลืนกันสูง จนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีความแตกต่างทางชนชั้นให้เห็นในยุคปัจจุบัน แต่ในมุมหนึ่งของตลาดชิบะอุระในกรุงโตเกียวซึ่งเป็นที่เชือดและชำแหละขายส่งเนื้อสัตว์แห่งใหญ่ของญี่ปุ่น ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องเผชิญกับการรังเกียจและเลือกปฏิบัติจากสังคมทุกวี่วัน เห็นได้จากจดหมายกองโตในห้องสำนักงานของตลาด ที่มีผู้ส่งข้อความด่าทอหยามเหยียดมาถึงพวกเขาเสมอ คนเหล่านี้คือ "บุราคุมิน" ผู้ประกอบอาชีพที่สังคมถือกันว่าน่ารังเกียจ จนทำให้พวกเขาตกอยู่ในฐานะเปรียบเสมือนวรรณะต้องห้ามของสังคมญี่ปุ่น
บุราคุมินคือคนที่ประกอบอาชีพเกี่ยวข้องกับความตายและสิ่งที่ถือกันว่าสกปรก เช่น การเชือดสัตว์ ทำศพ ฟอกหนัง หรืองานทำความสะอาดอื่นๆ อย่างพนักงานเชือดและชำแหละเนื้อที่ตลาดชิบะอุระนี้ ก็ไม่สามารถบอกคนทั่วไปอย่างเปิดเผยได้ว่าตนทำงานอะไร เพราะจะพบกับการรังเกียจเหยียดหยามที่เหมารวมไปถึงครอบครัวและลูกๆของพวกเขาด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะงานเชือดและชำแหละเนื้อเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะ ความใจเด็ดและประสบการณ์สูง แม้แต่การนำเนื้อวากิวชั้นสูงราคาแพงลิบขึ้นภัตตาคารก็ต้องอาศัยฝีมือของพวกเขา แต่กลับไม่มีใครเห็นคุณค่า
ที่มาของการเหยียดบุราคุมินให้กลายไปเป็นคนชั้นต่ำสุดของสังคมนั้น สืบย้อนไปได้ถึงยุคสังคมศักดินาของญี่ปุ่น แม้คำว่าบุราคุมินนั้นหมายถึง "คนของหมู่บ้าน" แต่ก็หมายความถึงชุมชนเล็กๆที่ตั้งแยกออกไป โดยสมาชิกของชุมชนนั้นประกอบอาชีพที่คนส่วนใหญ่รังเกียจ โดยคนชั้นต่ำที่สุดในพวกนี้เรียกกันว่า "เอตะ" ซึ่งหมายความว่า "เต็มไปด้วยสิ่งโสโครก" ในสมัยโบราณซามูไรสามารถสังหารเอตะได้ทันทีโดยไม่มีความผิด หากเอตะนั้นก่ออาชญากรรม และในบันทึกของชนชั้นปกครองญี่ปุ่น สมัยกลางศตวรรษที่ 19 นี้เองก็ระบุว่า เอตะนั้นมีค่าเพียงหนึ่งในเจ็ดของคนทั่วไป
แม้จะมีการล้มเลิกระบบชนชั้นและศักดินาในญี่ปุ่นไปแล้ว ตั้งแต่ปี 1871 แต่การกีดกันรังเกียจชนชั้นบุราคุมินก็ไม่ได้หายไปจากสังคมญี่ปุ่น โดยในการสมัครงาน บริษัทหลายแห่งจะตรวจดูว่าผู้สมัครมีถิ่นฐานที่อยู่ในชุมชนที่เชื่อกันว่า เป็นชุมชนบุราคุมินหรือไม่ โดยในช่วงกลางทศวรรษที่ 1970 กลุ่มต่อสู้เพื่อสิทธิบุราคุมินเปิดเผยว่า มีการลอบขายรายชื่อและที่อยู่ของบุราคุมินทางไปรษณีย์ให้กับบรรดานายจ้าง ส่วนในปี 2009 มีการถกเถียงกันอย่างรุนแรงถึงกรณีที่กูเกิลเอิร์ธเผยแพร่แผนที่ทางประวัติศาสตร์ของโตเกียวและโอซาก้า ซึ่งมีการระบุพิกัดของชุมชนบุราคุมินในยุคศักดินาอย่างชัดเจน ซึ่งอาจนำไปสู่การตั้งข้อรังเกียจคนที่มาจากชุมชนนั้นได้
แม้จากการสำรวจในทุกวันนี้ พบว่ามีพ่อแม่ชาวญี่ปุ่นถึง 1 ใน 10 ที่ไม่ต้องการให้ลูกของตนแต่งงานกับคนที่มีเชื้อสายบุราคุมิน นอกจากนี้บุราคุมินในปัจจุบันยังมีภาพลักษณ์ที่พัวพันกับแก๊งยากูซ่าอีกด้วย โดยสมาชิกถึงหนึ่งในสามของยากูซ่าเป็นบุราคุมิน เนื่องจากองค์กรอื่นๆของสังคมต่างปิดประตูใส่พวกเขา เว้นแต่แก๊งยากูซ่าซึ่งรับทุกคนที่มีฝีมือและความภักดีเข้าเป็นสมาชิกโดยไม่เลือกหน้า
อย่างไรก็ตาม ยูทากะ โทจิกิ ประธานสหภาพแรงงานตลาดชิบะอุระ บอกว่าสถานการณ์ในทุกวันนี้เริ่มดีขึ้นบ้างสำหรับบุราคุมิน โดยมีคนใช้คำพูดแสดงความเกลียดชังพวกเขาลดลง ส่วนคนที่ทำเช่นนั้นต่างก็ต้องเสียค่าปรับหรือขึ้นศาลไปทุกราย รวมทั้งมีคนทั่วไปช่วยเหลือแจ้งเบาะแสการละเมิดสิทธิบุราคุมินเข้ามาให้พวกเขารู้มากขึ้นด้วย
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น