0


อาหารเสริมชนิดที่ขายดีที่สุด ใช้ความพยายามน้อยที่สุด และโดนกล่าวหาน้อยที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น “วิตามิน” ต่างๆ
เมื่อได้เรียนในชั้นประถมศึกษา คนส่วนใหญ่ก็จะทราบว่า วิตามินเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย เนื่องจากว่า ร่างกายทุกส่วนต้องได้รับการบำรุงจากวิตามิน และเมื่อขาดวิตามินแล้วก็อาจจะเป็นโรคต่างๆ ได้ เช่น ตาฟางกลางคืนเพราะขาดวิตามินเอ ปากนกกระจอกเพราะขาดวิตามินบี 2 และหากขาดหลายวิตามินพร้อมๆ กันอาจจะเป็นมะเร็งได้ง่ายขึ้น
และเมื่อหลายคนกลัวว่าจะเป็นมะเร็ง นั่นจึงเป็นช่องทางสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ใช้ความตระหนกแล้วซื้อสิ่งที่ควรกินแบบคนธรรมดา ไปกินแบบไม่ธรรมดา แล้วได้ประโยชน์เท่าคนธรรมดา… อาจจะฟังดูงงๆอยู่บ้าง เราจะมายกตัวอย่างให้เข้าใจกันง่ายขึ้น เช่น กรณีของ “วิตามินซี” ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจำเป็นมากต่อการดำรงชีวิตของคน และนอกจากนี้เมื่อคนไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เอง จึงจำเป็นที่จะต้องทานวิตามินเพิ่ม
มีบทความหนึ่งปรากฏอยู่ใน www.quackwatch.com ชื่อ The Dark Side of Linus Pauling’s Legacy ซึ่งเป็นบทความที่กล่าวถึง Dr.Linus Pauling นักเคมีระดับหัวโจก ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลแบบไม่มีใครมาเอี่ยวถึง 2 ครั้ง คือ ในสาขาเคมี และสาขาสันติภาพ
ในปี 2511 Dr.Linus Pauling ได้กล่าวเกี่ยวกับวิตามินซีว่า “วิตามินซีนั้นมีประโยชน์กับสุขภาพมหาศาล ถ้าบริโภคในปริมาณสูงเป็นประจำ” จึงทำให้ “ผู้ที่ขายวิตามินเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” ยกย่อง Dr.Linus Pauling ทั้งที่เขาเสียชีวิตไปกว่า 20 ปีแล้วก็ตาม และต่อมาก็ได้เลยเถิดไปถึงว่า “ถ้าจะให้สุขภาพดีแล้ว จะต้องกินวิตามินซีและแร่ธาตุอื่นๆ ให้เกินกว่าคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางโภชนาการ”
คำแนะนำที่นักโภชนาการใช้เป็นหลักสำคัญเกี่ยวกับการบริโภคนั้นเรียกว่า RDAs (Recommended Dietary Allowances) ซึ่งการกินเกินจาก RDAs แนะนำนั้น จะเรียกว่า Megadose ซึ่งหมายถึง ขนาดที่กินนั้นมากมายมหาศาล ซึ่งคนสติดีเขาไม่กินกัน…
ในปี 2513 หนังสือของ Dr.Linus Pauling ชื่อ Vitamin C and the common cold ออกวางแผงและขายดีมาก โดยเนื้อหาภายในหนังสือได้แนะนำให้คนที่กลัวเป็นหวัด กินวิตามินซีวันล่ะ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งมากกว่าที่ RDAs ของสหรัฐแนะนำว่าควรกินวันละ 60 มิลลิกรัม
แต่ก่อนอื่นเราจะต้องมาทำความเข้าใจกับวิตามินซีตามตามร้านขายยานั้นมีปริมาณวิตามินซีไม่มากนัก เพราะรสชาติของวิตามินที่เห่ย จึงต้องผสมแป้ง น้ำตาล กลิ่น รส และสีลงไป ซึ่งที่หลายๆ คนทานวิตามินแล้วมีรสเปรี้ยว มีสีนั้นเกิดจากการตกแต่งทั้งสิ้น
ต่อมาปี 2519 และ 2522 Dr.Linus Pauling ได้ออกหนังสืออีก 2 เล่ม ยิ่งทำให้ผู้คนต่างพากันคลั่งวิตามินซีมากขึ้นไปอีก ด้วยเหตุผลที่ว่าหากเรากินวิตามินซีเยอะๆ เราก็จะไม่เป็นมะเร็ง และเนื่องจากหนังสือที่ออกมานั้น ทำให้บริษัทผู้ค้าวิตามินยิ่งรู้สึกชอบใจ เนื่องจากทำให้ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ง่ายขึ้น แต่ตามหลักความเป็นจริงแล้วสารอาหารต่างๆ ที่ร่างกายต้องการนั้นทำงานเป็นทีม หรือในทางวิทยาศาสตร์มักกล่าวว่า “ทำงานเหมือนวงซิมโฟนี” นั่นจึงหมายความว่า หากกินแต่วิตามินซี แต่ขาดวิตามินชนิดอื่นไปก็เปล่าประโยชน์
และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ จากการรายงานของบทความหนึ่ง ได้รายงานว่า Dr.Linus Pauling กินวิตามินมากถึงวันล่ะ 12,000 มิลลิกรัมต่อวันเป็นประจำ !! และเพิ่มเป็น 40,000 มิลลิกรัมถ้าเป็นหวัด แต่เมื่อปี 2536 เขาก็ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ แต่ก่อนตายเขาก็ได้กล่าวว่า เพราะวิตามินที่เขากินทำให้มะเร็งชะลอตัวได้นานถึง 20 ปี
แต่สำหรับคนที่สำมะเลเทเมา กินอาหารไม่ระวัง ปล่อยตัวให้อ้วน ไม่ออกกำลังกาย ต่อให้กินวิตามินซีวันละ 100,000 มิลลิกรัมก็คงตายเร็วแน่ๆ


ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือวัคซีนสมอง ป้องกันภัยจากการกิน

สำนักพิมพ์มติชน

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top