การโจมตีทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม และความถูกต้อง เพียงแค่ใช้หลัก "เพื่อให้ได้รับชัยชนะ เลยไม่คำนึงถึงวิธีการใช้" สุดท้ายก็เข้าตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าการโจมตีนายกฯปู เวลาปราศรัย นั้นใช้วิธีอ่านโพย แล้วสลิ่มพร้อมใจกันเรียก "อีโง่" เพียงเพราะเป็นศัตรูทางการเมือง ก็สร้างกระแสความเกลียดชัง
สุดท้ายก็เข้าพวกตัวเองทุกเรื่อง
วันนี้ ก็โดนบ้าง กรณีประยุทธ์ปราศรัยแล้วอ่านโพยเหมือนกัน แต่เป็นการอ่านเหมือนเรียงความ เร็วปรื้อ จนไม่เหมือนการอ่านโพยที่ผู้นำส่วนใหญ่ในโลกก็อ่าน แต่เขาจะอ่านเหมือนการพูด น้อยคนที่จะพูดสดในเวทีที่เป็นทางการ
การโจมตี "ประชานิยม" ก็เหมือนกัน วันนี้ เอาสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาดำเนินนโยบายประชานิยม บ้าง น้ำก็เลยท่วมปากสลิ่มกันไปหมด เพราะที่สมคิดทำ มันคือ "ทักษิโนมิกส์" ล้วนๆ เลยทีเดียว เรียกว่าทำตามทักษิณทุกอย่าง
การสร้างความเกลียดชัง สุดท้ายฝ่ายอำมาตย์ก็ได้ความเกลียดชังไปไม่น้อยกว่าทักษิณ แต่ดูเหมือนจำนวนคนเกลียดจะมากกว่าทักษิณ ดูกรณีตั๊น จิตภัสร์ เป็นตัวอย่าง ทะเยอทะยาน แต่ดันหาเสียงด้วยการสร้างความเกลียดชัง เลยได้ความเกลียดชังไปเต็มที่เหมือนกัน ลืมได้เลยว่าจะเป็นใหญ่ได้
"การทำลายศัตรูโดยไม่คำนึงถึงวิธีการใช้" เป็นการเดินเข้าสู่ด้านมืด เดินเข้า Dark Side สุดท้ายจะออกไม่ได้ และทำเลวมากขึ้นเรื่อยๆ
การต่อสู้กันทางการเมืองในประเทศไทยยังไม่จบ อย่าคิดว่าได้อำนาจแล้วจะชนะทั้งหมด ฝ่ายทักษิณก็ได้อำนาจหลังรัฐประหารถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่จบ
สงครามการเมืองสู้กันนับสิบๆ ปี เหมือนเนลสัน แมนเดลล่า สุดท้ายฝ่ายที่มีมวลชนส่วนใหญ่จะชนะในระยะยาว ไม่มีใครคุมอำนาจได้ตลอดกาล ยิ่งได้มาโดยไม่ถูกต้องก็จะมีวันจบในที่สุด ต่อให้นานแบบ กัลดาฟี่ หรือซัดดัม ก็จบเหมือนกัน
การเอาชนะทางการเมือง จึงจะต้องใช้วิธีที่มีศีลธรรม และความถูกต้องชัยชนะจึงจะมั่นคงในระยะยาว ไม่อย่างนั้นได้อำนาจไปก็ยิ่งไม่มั่นคง ยิ่งต้องใช้อำนาจรักษาอำนาจ สุดท้ายก็ไปไม่ไหว สิ่งที่เคยทำเลวๆ เอาไว้มันจะย้อนกลับมาทำลายตัวเองเท่าทวีคูณ