ฮา2ชั้น..ท่านผู้นำพบประเทศเล็ก-1ประเทศ1เสียง หนุนไทยชิงเก้าอี้ในยูเอ็น บ่งบอกคนส่วนใหญ่ในโลกไม่นับถือ
*****************************
กรณีเพจ"บีบีซีไทย - BBC Thai" ตีข่าว "ประยุทธ์เน้นหารือทวีภาคีประเทศไร้ชื่อเสียงขนาดเล็ก" มีใจความว่า
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยใช้เวลาส่วนหนึ่งระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในการพบปะหารือแบบทวิภาคีกับประเทศที่มีขนาดเล็กและไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการขอเสียงสนับสนุนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกแบบไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
พลเอกประยุทธ์ได้พบกับแกสตัน บราวน์ นายกรัฐมนตรีแอนติกาและบาร์บูดา ในช่วงก่อนอาหารกลางวันของวันที่ 27 กันยายน ที่ห้องล็อบบี้ของอาคารสำนักงานองค์การสหประชาชาติ การหารือเป็นเวลา 20 นาทีเป็นไปในลักษณะการแนะนำตัวและแจ้งให้ทราบว่าประเทศไทยกำลังสมัครชิงตำแหน่งในคณะมนตรีความมั่นคง
แอนติกาและบาร์บูดา เป็นชื่อประเทศเดียวที่มีเกาะสองเกาะและหมู่เกาะอีกจำนวนหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแอตแลนติกมาเจอกัน มีพื้นที่ 440 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 90,000 คนเศษๆ เคยเป็นประเทศในอาณานิคมอังกฤษ ได้รับเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2524 การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบมีพระราชินีเป็นประมุข
ในวันที่ 28 กันยายน พลเอกประยุทธ์ได้พบปะหารือทวิภาคีกับโจเซเอีย โวเรเก ไบนิมารามา หรือที่รู้จักกันดีในนาม แฟรงค์ ไบนิมารามา นายกรัฐมนตรีฟิจิ ที่ห้องล็อบบี้อาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติเป็นเวลา 20 นาที ซึ่งการหารือเป็นไปในลักษณะของการแนะนำตัวและทำความรู้จักกันเช่นกัน
ฟิจิเป็นประเทศหมู่เกาะในแปซิฟิกใต้ เป็นประเทศที่ทำรัฐประหารบ่อยและเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยเพราะการรัฐประหารในปี 2549 นั้นเกิดขึ้นหลังจากประเทศไทยเพียง 2 เดือนเศษ ๆ เท่านั้น จากนั้นคณะทหารของ ไบนิมารามา ใช้เวลาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งถูกยกเลิกในปี 2552 จนกระทั่งปี 2556 จึงได้ประกาศใช้ก่อนที่จะจัดการเลือกตั้งในเดือนกันยายนปี 2557 โดยพรรคของไบนิมารามา ชนะการเลือกตั้งเขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจนปัจจุบันและมีโอกาสได้พบกับพลเอกประยุทธ์ซึ่งเป็นผู้นำการยึดอำนาจในประเทศไทยระหว่างการประชุมสหประชาชาติในปีนี้
ในตอนเย็นของวันที่ 28 กันยายน พลเอกประยุทธ์ได้พบกับมิลอช เซมัน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเช็ก ที่ห้องล็อบบี้ในอาคารสหประชาชาติเป็นเวลา 20 นาที ก่อนจะได้หารือกับเอมอมาลี เราะห์มาน ประธานาธิบดี ทาจิกิสถาน ในห้องเดิมในเวลาถัดกันมาเป็นเวลา 20 นาทีเช่นกัน
สาธารณรัฐเช็กเป็นประเทศอดีตสังคมนิยมในยุโรปตะวันออก ส่วนทาจิสถานนั้นเป็นประเทศในเอเชียกลางมีพรมแดนติดอัฟกานิสถานและจีน
เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศอธิบายว่า แม้ว่าประเทศเหล่านั้นจะเป็นประเทศเล็กและไม่เป็นที่รู้จัก หรือมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจการเมืองร่วมกับไทยมากนัก แต่ในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ประเทศเหล่านั้นมี 1 คะแนนเสียงเท่ากัน การที่นายกรัฐมนตรีของไทยขอพบปะหาหรือกับผู้นำประเทศเหล่านั้นย่อมสร้างความประทับใจแก่พวกเขาที่ได้รับเกียรติ และทำให้ประเทศเหล่านั้นรู้จักและเข้าใจประเทศไทยมากขึ้น
ประเทศไทยสมัครเข้าชิงตำแหน่งว่างของสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในห้วงปี 2560-2561 การเข้าสู่ตำแหน่งนี้ใช้วิธีเลือกตั้ง โดยการลงคะแนนของประเทศสมาชิก คาดกว่าการลงคะแนนจะเกิดขึ้นในกลางปีหน้า
อย่างไรก็ตาม พลเอกประยุทธ์ได้พบปะหารือกับผู้นำของประเทศสำคัญอยู่บ้างคือ พบปะริมระเบียง (corridor meeting) กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่บริเวณห้องประชุม 6 ในอาคารที่ประชุมสมัชชาใหญ่เป็นเวลาประมาณ 20 นาทีเช่นกัน เจ้าหน้าที่รัฐบาลไม่เปิดเผยเนื้อหาการหารือของผู้นำทั้งสอง เพียงแต่กล่าวว่า การประชุมมีเนื้อหาสาระพอสมควร
**********************************
"พิภพ อุดมอิทธิพงศ์" นักแปล/นักเขียน/คอลัมนิสต์ แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก"Pipob Udomittipong" มีใจความว่า
คืออย่างนี้ ผู้นำอินโดฯและอินเดียเข้าสู่ตำแหน่งใกล้ ๆ กับ “ประยุทธ์” แต่เขาได้พบกับผู้นำประเทศใหญ่แบบสองต่อสองทั้งนั้น โอบามาไปร่วมงานวันชาติอินเดียถึงในอินเดีย มาเที่ยวนี้ก็ได้พบกันกับ Modi สองต่อสองอีก Jokowi พบกันสองต่อสองกับโอบามามาแล้ว ปลายเดือนหน้าได้รับเชิญเป็นอาคันตุกะในทำเนียบขาวอีก
คือถ้า Gaddafi ของลิเบียยังอยู่ เชื่อว่าประยุทธ์คงได้พบกับเขา การได้พบผู้นำประเทศเล็กๆไม่ได้เสียหาย แต่มันบ่งบอกว่าคนส่วนใหญ่ในโลกเขาไม่ยอมรับนับถือคุณ แต่ถ้าหน้าหนาก็ว่าไปอีกอย่าง
********************************
"อธึกกิต แสวงสุข" คอลัมนิสต์นามปากกา"ใบตองแห้ง" แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก"Atukkit Sawangsuk" มีใจความว่า
ข่าวฮา 2 ชั้น
1.ทั่นพู่นำผู้สร้างความภาคภูมิใจให้สลิ่มเพราะได้เป็นประธาน G77 ได้พบผู้นำประเทศสำคัญๆ ทั้งนั้นเรย เช่น นายกรัฐมนตรีแอนติกาและบาร์บูดา, นายกรัฐมนตรีฟิจิ (รัฐประหารหลังไทยปี 49 ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จปี 56 ผู้นำรัฐประหารชนะเลือกตั้งปี 57 สืบทอดอำนาจแบบเดิมๆ ที่พี่ไทยเราเลิกใช้มา 20 กว่าปี) และประธานาธิบดีเช็ก (คนไทยรู้จักดี เพราะมีปีเตอร์ เช็ก เป็นโกล์ทีมชาติ 555)
2.ทั่นพู่นำไม่ยักคิดอย่างสลิ่ม เพราะทั่นถือหลัก "หนึ่งคนหนึ่งเสียง" ในการหาเสียงเป็นมนตรีความมั่นคง ไม่ต้องเอาประเทศใหญ่ก็ได้ ไม่ต้องเอาประเทศเจริญก็ได้ ใช้งบไปแล้ว 600 ล้าน



 
Top