ตำรวจเชื่อจับถูกคนคดีระเบิดราชประสงค์ ชี้ช่วงแรกสับสนเพราะทะยอยได้หลักฐาน แต่ยืนยันหลักฐานหนักแน่นมัดตัวจนมุมจนต้องสารภาพ ระบุเป็นแก๊งค์ลักลอบขนคนเข้าเมือง มูลเหตุลงมือเพราะถูกเจ้าหน้าที่กวาดจับ เผยข้อมูลใหม่มีคนไทยอดีตเคยเอี่ยวคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นเกี่ยวข้องด้วย แต่พบว่าเป็นบุคคลลึกลับไม่มีแม้แต่บัตรประชาชน
ในบรรดาผู้ถูกออกหมายจับกุมทั้งหมด 17 คน เจ้าหน้าที่จับกุมได้ 2 คือนายไมไรลี ยูซุฟูกับนายอาเด็ม คาราดักหรือบิลาล มูฮัมเหม็ดหรือไบลาล มูฮัมมัด ที่เหลือ 15 คนยังต้องติดตามตัวต่อไป รวมทั้งคือนายอ๊อด พยุงวงศ์หรือยงยุทธ พบแก้วที่สนับสนุนการทำระเบิด กับนส.วรรณาหรือไมซาเราะ สวนสันที่มีชื่อพร้อมสามีชาวตุรกีว่าเป็นผู้เช่าห้องพักเป็นที่พักพิงคนทำและวางระเบิด
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้นำทีมเจ้าหน้าที่แถลงรายละเอียดความคืบหน้าของคดีในวันนี้ 28 ก.ย. แสดงความเชื่อมั่นในการทำงานและข้อมูลด้วยการแจกแจงหลายจุดเน้นประเด็นข้อมูลสี่ชุด คือหลักฐานเกี่ยวพันกับการวางระเบิดที่ศาลพระพรหม จากความพยายามจะวางระเบิดที่สะพานสาทร การปิดล้อมตรวจค้นและจับกุมที่พูนอนันต์อพาร์ทเม้นท์ และการปิดล้อมตรวจค้นที่อพาร์ทเม้นท์ชื่อไมมุนาการ์เด้นท์โฮม
ประเด็นสำคัญของการสอบสวนคือการติดตามพยานหลักฐานที่นำไปสู่การจับกุมและเชื่อมโยงบุคคลต่างๆเข้ากับการวางระเบิด เจ้าหน้าที่เปิดเผยหลักฐานบางส่วนที่ทำให้เห็นความเชื่อมโยง โดยกล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุระเบิด ได้สอบสวนพยานเกิน 200 ปากที่เกี่ยวข้องกับกรณีศาลพระพรหม บวกกับอีกราว 30 ปากในกรณีสะพานสาทร เมื่อพบเบาะแสว่ามีผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปอยู่ที่พูนอนันต์อพาร์ทเม้นท์ จึงได้สนธิกำลังเข้าไปปิดล้อมตรวจค้นและจับกุมที่ห้อง 412 และ 414 ได้ตัวนายคาราดักหรือมูฮัมมัด พบหลักฐานที่เชื่อว่าใช้ประกอบวัตถุระเบิดเช่นอุปกรณ์ฝักแค ท่อน้ำ ลูกเหล็กกลมและสารเคมีประกอบระเบิดอยู่ในห้องทั้งสองห้อง พิสูจน์แล้วพบว่ามีบางตัวลักษณะใกล้เคียงกันกับระเบิดที่ศาลพระพรหม นอกจากนั้นยังขยายผลจนได้เบาะแสเพิ่มว่า มีคนบางส่วนไปพักที่ไมมุนาการ์เด้นโฮม จึงตามไปปิดล้อมตรวจค้นและจับกุม ได้หลักฐานเพิ่มเติมทั้งอุปกรณ์ประกอบระเบิด สายไฟ ที่สำคัญในสถานที่หลังนี้พบดินเทาซึ่งถือว่าเป็นยุทธภัณฑ์ทางทหาร
เจ้าหน้าที่ระบุว่า พบกลุ่มคนที่ได้เข้าพักอาศัยสามคนซึ่งรวมไปถึงนายอับดุล อับดุลเราะห์มันหรือนายอิซานด้วย การสืบสวนถัดมาพบว่ามีคนในกลุ่มนี้ที่ยังหลบหนีอยู่และตามไปจับกุมได้ที่สระแก้วคือนายไมไรลี ยูซุฟู จากการตรวจสอบหลักฐาน รวมทั้งด้านนิติวิทยาศาสตร์ พบลายนิ้วมือแฝงปรากฎบนวัสดุของกลางบางตัวเช่นที่กล่องกาว สารเคมีวางระเบิดและที่ขวดยาซึ่งเป็นของผู้ต้องหาอีกราย และยังพบถุงใส่อาหารในตู้เย็นที่ทำให้สืบไปถึงคนร้ายอีกคนหนึ่งซึ่งตำรวจได้ภาพมาจากห้างสรรพสินค้า คนหลังนี้คือนายอิซานที่นายไมไรลีให้การซัดทอดว่าเป็นคนทำหนังสือเดินทางปลอมและเป็นคนไปรับชายเสื้อสีฟ้า ส่วนที่พูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ เจ้าหน้าที่ยังพบท่อหรือแป๊ปน้ำ เมื่อสอบแล้วได้สาวไปถึงร้านค้าพบผู้ต้องสงสัยที่ไปซื้อของดังกล่าวเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกออกหมายจับ ทั้งหมดนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ขอออกหมายจับกรณีพูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ในฐานะเกี่ยวข้องกับการทำวัตถุระเบิด
ในขณะที่สำหรับกรณีไมมุนาการ์เด้นท์โฮมนั้น ก็มีการออกหมายจับสองสามีภรรยาคือนางวรรณาและสามีที่ไปเปิดห้องเช่าเพื่อให้ผู้ก่อเหตุไปเข้าพัก เจ้าหน้าที่กล่าวว่า มีพยานยืนยันว่าทั้งนายยูซุฟูและนายคาราดักต่างเข้าพักที่ห้องพักหมายเลข 9106 ที่ไมมุนาการ์เด้นท์โฮม และนายยูซุฟูบอกเจ้าหน้าที่ว่าคนที่จัดหาสิ่งต่างๆให้คือนายอิซาน นอกจากนี้ยังมีผู้ช่วยอีกคนเป็นคนไทยชื่อนายอ๊อด พยุงวงศ์หรือยงยุทธ พบแก้ว ยังมีคนที่ช่วยเหลือด้านอื่นๆอีก เช่นคนไปจดทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์ เป็นต้น
เจ้าหน้าที่สรุปว่า ในเชิงของหลักฐาน สิ่งสำคัญคือการพบลูกเหล็กกลมในที่เกิดเหตุคือที่ศาลพระพรหมและที่สะพานสาทร และพบอีกในห้องพักหมายเลข 414 ของพูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์ มีลักษณะและขนาดใกล้เคียงกัน ประการที่สอง พบชิ้นส่วนท่อเหล็กที่ใช้ประกอบระเบิดแสวงเครื่องทั้งที่ศาลพระพรหม ที่สะพานสาทร และในอพาร์ทเม้นท์ พบตัวจุดชนวนหรือฝักแคระเบิด ที่ตัดไว้สิบกว่าท่อนเป็นขนาดเท่ากัน มีองค์ประกอบตรงกันและเป็นวัสดุชนิดเดียวกัน สรุปว่าจากหลักฐานที่ได้ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่า มีกลุ่มบุคคลที่จ้างวานหรือสั่งการให้คนกลุ่มนี้ที่ประกอบด้วยนายอิซานหรืออับดุล อับดุลเราะห์มาน ชายเสื้อฟ้า นายยูซุฟูและนายคาราดักเข้ามาก่อเหตุวางระเบิด พล.ต.อ.สมยศบอกว่า “นี่เป็นคดีที่คลี่คลายได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีการจับกุมผู้ต้องหาได้ ออกหมายจับได้ ส่วนเรื่องจับกุมคนที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องติดตามต่อไป”
คดีนี้อยู่ในอำนาจศาลทหาร ข้อหาสำคัญคือร่วมกันฆ่า ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ส่วนเรื่องจะไปถึงข้อหาก่อการร้ายหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น และขึ้นอยู่กับการสอบสวนต่อไป
สำหรับมูลเหตุจูงใจ พล.ต.อ.สมยศบอกว่า เชื่อว่ามาจากการที่เจ้าหน้าที่ไปทำลายและจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ แต่ก็เชื่อด้วยว่า ยังมีกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุนี้ และเป็นผู้จ้างวาน “อย่างที่เคยพูดมาตลอดว่า มีบุคคลหลายกลุ่มที่มีเป้าประสงค์อันเดียวกันร่วมกันทำให้ทุกฝ่ายได้สมประสงค์”
เจ้าหน้าที่เปิดเผยเพิ่มเติมถึงกรณีนายอ๊อด พยุงวงศ์หรือยงยุทธ พบแก้วที่ทำหน้าที่สนับสนุนช่วยเหลือการประกอบระเบิด โดยระบุว่าจากการตรวจสอบพบว่าเคยมีประวัติต้องโทษคดีอาญา เคยถูกจับตามหมายพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินปี เคยถูกออกหมายจับคดีวางระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น เขตบางบัวทอง ในพื้นที่ส.น.มีนบุรีเมื่อปี 2553 เมื่อเอ่ยถึงประเด็นนี้ ก็ทำให้ผู้สื่อข่าวจำนวนมากต่างสอบถามถึงความเชื่อมโยงและประเด็นผู้อยู่เบื้องหลังโดยทันที เนื่องจากกรณีระเบิดดังกล่าวเป็นเหตุที่เป็นที่เข้าใจกันว่าลงมือโดยกลุ่มที่มีความคิดทางการเมืองในความขัดแย้งเหลือง - แดง และสอดคล้องกับข้อสังเกตของคนจำนวนหนึ่งที่เชื่อว่าการวางระเบิดราชประสงค์นั้นมี “คนใน” เป็นผู้บงการ อย่างไรก็ตามพล.ต.อ.สมยศระบุว่า ความเชื่อมโยงในเรื่องนี้ที่เห็นผ่านตัวบุคคลยังมีเพียงนายอ๊อด พยุงวงศ์ จึงยังไม่อาจบอกได้ว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่ก็ไม่สามารถตัดประเด็นนี้ได้เช่นกัน เพราะพยานหลักฐานเป็นเช่นนั้น “เราไม่ได้ใส่ร้ายใคร เราว่าไปตามหลักฐานข้อเท็จจริง”
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อมูลเกี่ยวกับนายอ๊อดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ระบุว่า นายอ๊อด แม้จะเคยถูกลงโทษและเคยถูกจับมาแล้ว 9 ครั้ง แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังคงเป็นบุคคลลึกลับแม้แต่บัตรประจำตัวประชาชนหรือตัวเลขสิบสามหลักก็ไม่มี
ในที่แถลงข่าวเจ้าหน้าที่ย้ำว่า การทำงานใช้หลักฐานหลายอย่างประกอบกัน รวมทั้งมีการใช้อุปกรณ์พิเศษเข้าช่วยซึ่งไม่ต้องการบอกรายละเอียดเกรงจะเสียรูปคดี รวมทั้งย้ำว่าในระยะแรกๆอาจมีความสับสนจากการที่ไม่สามารถระบุได้ว่านายคาราดักคือชายเสื้อเหลืองที่วางระเบิด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทะยอยเก็บและค้นหาหลักฐานได้ทีละส่วนบวกรวมกับการการสอบสวนที่คลี่คลายจนได้ข้อมูลเพิ่มเติมทำให้มัดตัวผู้ต้องสงสัยในที่สุดต้องสารภาพเพราะจนด้วยหลักฐาน ในการตอบคำถาม เจ้าหน้าที่ระบุว่าบางอย่างนั้นสื่อมวลชนรายงานล่วงหน้าไปโดยที่ไม่ใช่ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ เช่นประเด็นเรื่องดีเอ็นเอไม่ตรงกัน เพราะเจ้าหน้าที่ส่งดีเอ็นเอตรวจจริงแต่ยังไม่ได้ผลสรุป นอกจากนั้นยังยืนยันว่า บุคคลทั้งสองคือนายยูซุฟูและนายคาราดักยังต้องรอการพิสูจน์สัญชาติ “ชื่อที่ใช้ก็อาจจะไม่มีจริง ที่ทนายเสื้อแดงบอกว่าเป็นทนายคนนั้นคนนี้ อันที่จริงแล้วเป็นทนายให้กับคนไม่มีตัวตนมากกว่า”
ด้านพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร.ก็บอกผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่เคยบอกว่าการวางระเบิดนี้เป็นการแก้แค้น เพียงแต่ระบุว่าเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับการค้ามนุษย์และขนคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย เมื่อถามว่าเหตุใดมั่นใจเรื่องนี้ ได้รับคำตอบว่า “ผู้ต้องหารอรับเงิน ผมทำเรื่องนี้มากับมือ มีอยู่ในสำนวนหมด คดีนี้ไม่ได้เป็นคดีลวงโลก สำนักงานตำรวจทำอย่างตรงไปตรงมา เราไม่เอาชื่อเสียงมาเสี่ยง ตอนแรกเขาไม่รับ จนเรามีหลักฐานชัดเจน คนทำระเบิดกับคนขนคน มันซ้อนกันอยู่” เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า การติดตามคดีนี้จะยังดำเนินต่อไป
ส่วนพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.และโฆษกสตช.ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ทางการจีนกับตุรกีก็ช่วยเหลือไทยเช่นกัน โดยจีนสามารถตรวจสอบหนังสือเดินทางได้จากตัวสำเนา แต่ทางตุรกีทำไม่ได้ ต้องการตัวจริงไปตรวจสอบซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อาจให้ได้ ในเรื่องมูลเหตุจูงใจซึ่งมีคำถามจากผู้สื่อข่าวว่า การถูกปราบปรามจะเป็นเหตุให้กลุ่มลักลอบขนคนเข้าเมืองลงมือในเรื่องนี้ได้อย่างไร โฆษกสตช.ชี้ว่า มีความเป็นไปได้หลายอย่าง เช่นอาจเป็นเรื่องที่ผู้ลงมือมีญาติพี่น้องอยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ หรือประเด็นความสูญเสียอื่นๆ และกลุ่มนี้ทำงานเป็นเครือข่ายกับเหยื่อหลายกลุ่มไม่จำเป็นต้องเฉพาะกับอุยกูร์หรือโรฮิงญา กับคำถามเรื่องว่าทำไมผู้ต้องหาอย่างนายคาราดักจึงไม่รีบเดินทางออกนอกประเทศนั้น พล.ต.ท.ประวุฒิอธิบายว่า เป็นเรื่องวิธีการที่ต่างกัน บางคนอาจหนีทันที บางคนกบดานรอให้เรื่องเงียบลง “คนร้ายกลุ่มนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่คนโง่ เป็นคนฉลาดพอสมควร”
#ระเบิดราชประสงค์ #BangkokBlast
#ระเบิดราชประสงค์ #BangkokBlast