สันติภาพภาคใต้: แกนนำเครือข่ายชาวพุทธเตรียมหาทางจัดเวทีสาธารณะ ชี้ก้าวถัดไปเพื่อขับเคลื่อนสันติภาพในหมู่คนพุทธต้องสร้างความตื่นตัว เผยคนยังสนใจกระบวนการสันติภาพน้อย ดูดซับข่าวสารความรุนแรงเป็นหลักและฝากความหวังไว้กับรัฐมากไป ฝากถึงกลุ่ม “มารา” ให้ร่วมสร้างบรรยากาศด้วยการแสดงความรับผิดชอบหากเหตุร้ายเป็นฝีมือคนของตน
นายรักชาติ สุวรรณ์ เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยถึงการผลักดันกระบวนการสร้างสันติภาพในภาคประชาชนโดยเฉพาะในหมู่คนพุทธในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ว่า ในขณะนี้คนพุทธตื่นตัวมากขึ้นหลังจากที่มีข่าวว่ามีการพูดคุยเพื่อสันติสุขหรือพูดคุยเพื่อสันติภาพ แต่ว่าความตื่นตัวนี้ยังจำกัดวง และยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวเพื่อระดมสมองหรือถกเถียงเรื่องประเด็นปัญหาต่างๆในหมู่คนทั่วไปมากนัก ในความรู้สึกของตนนั้น คนทั่วไปยังมีท่าทีรอดูมากกว่าอย่างอื่น การรวมตัวเพื่อผลักดันหรือขับเคลื่อนในประเด็นต่างๆยังมีน้อย ในเรื่องของข่าวสารก็กลายเป็นว่า ยังเสพข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องของสถานการณ์ความรุนแรงเป็นหลัก ซึ่งเรื่องนี้ทำให้น่าเป็นห่วงว่า พลังของคนพุทธที่จะเป็นแรงผลักดันในเรื่องสันติภาพจะมีไม่มากนัก
นายรักชาติชี้ว่า สิ่งที่ตนอยากเห็นในเวลานี้ก็คือ การจัดเวทีการพูดคุยเพิ่มเติมทั้งในหมู่คนพุทธ แต่การจัดเวทีนี้ตนอยากเห็นวิธีการที่เปิดกว้างและให้โอกาสคนธรรมดาทั่วไปได้แสดงออก ไม่ใช่เป็นการนำคนเข้าสู่ห้องประชุมฟังการบรรยาย การระดมสมองที่อยากเห็นน่าจะเป็นการจัดพูดคุยในที่สาธารณะและเป็นวงย่อยจำนวนมากในหลากหลายพื้นที่ เพื่อให้มีการได้แสดงความเห็นอย่างจริงจังและมีการเรียนรู้ในเรื่องของการจะขับเคลื่อนสันติภาพจากระดับชาวบ้าน ทั้งนี้เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสแสดงบทบาทในทางบวกต่อการคลี่คลายความขัดแย้ง ซึ่งเรื่องของการจัดเวทีสาธารณะเช่นนี้เป็นเรื่องที่ทางกลุ่มอยากจะเริ่มจัดทำในเร็วๆนี้
เขาเห็นว่า สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในระยะต่อไปสำหรับการเปิดเวทีประชาชนคือทำอย่างไรให้ชาวบ้านทั่วไปได้รับรู้ข้อเท็จจริงหลายเรื่องที่มีผู้นำไปถ่ายทอดให้โดยไม่มีการชี้นำ พร้อมทั้งปล่อยให้ประชาชนได้รับข้อมูลและย่อยข้อมูลเหล่านั้นด้วยตัวเองเพื่อให้พวกเขามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนและหนทางคลี่คลายปัญหาสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของคนในพื้นที่
นายรักชาติขี้ว่า สิ่งที่ต้องคำนึงอย่างหนึ่งคือ ในหมู่คนพุทธจำนวนมากยังมีทัศนะที่ทิ้งภาระในเรื่องของการแก้ปัญหาไว้ให้กับเจ้าหน้าที่ “คนไม่ค่อยสนใจเรื่องสันติภาพ เราใช้รัฐเป็นกำแพง และเอาหลังพิงกำแพงไว้มากกว่า เราไปผูกตัวเองไว้กับรัฐมากเกินไป แล้วรอให้รัฐสั่งการ แต่พอมันเป็นอย่างนั้นจริง เราก็บ่นกัน”
รักชาติระบุว่า ในเรื่องของการพูดคุยนี้ ยังจะต้องหาวิธีการที่จะทำให้คนในพื้นที่ระหว่างพุทธและมุสลิมได้คุยกันอย่างปกติ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องรอให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้จัดเวทีให้ โดยควรเริ่มจากกลุ่มที่ยังสามารถคุยกันได้ด้วยดีก่อน
แกนนำเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพบอกว่า นอกจากในด้านของการทำงานของกลุ่มคนพุทธในพื้นที่เพื่อให้มีบทบาทในเรื่องของการคลี่คลายความขัดแย้งมากขึ้น สิ่งที่อยากเห็นด้วยคืออยากให้ทางกลุ่มผู้เห็นต่างในนามของมารา ปาตานีที่กำลังอยู่ในกระบวนการพูดคุยกับรัฐบาลนั้นได้พิจารณาดำเนินการบางเรื่องเพื่อสร้างบรรยากาศในการพูดคุย เรื่องสำคัญที่อยากเห็นคือการที่กลุ่มผู้เห็นต่างจะทำให้ชัดเจนในแต่ละครั้งที่มีการก่อเหตุว่า การลงมือนั้นๆเป็นฝีมือของกลุ่มหรือไม่ แม้ว่าจะยังทำไม่ได้ทุกครั้งกับทุกสถานการณ์ แต่หากทุกฝ่ายร่วมกันจะเป็นประโยชน์ต่อการแสวงหาข้อเท็จจริง ว่าเหตุการณ์แต่ละครั้งเป็นฝีมือของใครระหว่างกลุ่มเห็นต่าง เจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มอิทธิพลต่างๆ หรือกลุ่มจากข้างนอกพื้นที่ นอกจากนั้นสิ่งที่อยากเห็นอีกประการหนึ่งคือ หากที่ผ่านมา กลุ่มผู้เห็นต่างสามารถร่วมสร้างพื้นที่ปลอดภัยได้ ตนก็อยากเห็นการขยายพื้นที่ดังกล่าวโดยเฉพาะสำหรับผู้นำศาสนา