รู้ทันนะครับว่าจะเล่นมุขนี้ เห็นผู้จัดการประโคม "สัญญาณบวก" ชัยชนะประยุดที่ UN ก็ขำกลิ้ง อันนี้เขียนเมื่อวาน เดี๋ยวจะยำลงข่าวสดอีกรอบ คุยไปด๊าย แต่ประธาน G77 and China (คือหลังจากตรวจข้อมูลก็ยินดีรับละว่าได้เป็นในยุคนี้ แต่ไม่แปลกอะไรในเมื่อเป็นคิวเอเชียแปซิฟิก แถมจีนเป็นพี่เบิ้มใน G77)
ในทางการเมืองไม่มีอะไรเปลี่ยน ไม่มีบวกไม่มีลบ ยิ่งในทางเศรษฐกิจ ก็ไม่มีสัญญาณที่ดีอะไรหรอก คือยังไงฝรั่งก็ไม่ตัดสัมพันธ์ ไม่ถอนการลงทุน แต่ไม่กล้าลงทุนใหญ่เพราะใครจะอยากเสี่ยงกับประเทศที่การเมืองยังไม่รู้ออกหัวออกก้อย ขนาดลงทุนระยะสั้นอย่างตลาดหุ้น ก็ยังมีปัจจัยรอบด้านทั้งภายนอกภายในจนต่างชาติขายเกินแสนล้านแล้ว
00000
“สัญญาณบวกจากอเมริกันและโลกตะวันตก” สื่อเข้าข้างประโคมข่าวการประชุมสหประชาชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ราวกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันคุยว่าความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯอยู่ในระดับที่ดีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนไม่ทราบท่านมองจากตรงไหน
การที่นายกรัฐมนตรีได้ไปกล่าวปาฐกถา 214 คำต่อนาทีไม่ได้บ่งชี้ว่า UN และสหรัฐฯกลับใจเชียร์รัฐประหาร การประชุมในวาระครบ 70 ปีทุกประเทศมีสิทธิเข้าร่วม ตราบเท่าที่ UN ยังไม่แซงชั่นบางประเทศถูกวิจารณ์ว่าเป็นเผด็จการหนักกว่าไทยก็ยังไปประชุม
ก่อนนายกฯ เดินทาง EU ก็ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ไทยเคารพเสรีภาพในการพูดและการชุมนุม ระหว่างเข้าพบนายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติก็แสดงความกังวลว่าพื้นที่ประชาธิปไตยในไทยแคบลง โดยเฉพาะเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุม
ยิ่งกว่านั้น ประธานาธิบดีโอบามาปราศรัยต่อหน้าผู้นำทั่วโลก “ระบอบเผด็จการกำลังไร้เสถียรภาพ”
“คุณอาจกักขังฝ่ายต่อต้านได้ แต่ขังความคิดเขาไม่ได้ คุณอาจควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้ แต่คุณเปลี่ยนความเท็จให้เป็นความจริงไม่ได้…รัฐบาลที่ปราบปรามคนที่แสดงความเห็นต่างอย่างสงบไม่ได้แสดงความเข้มแข็ง แต่กำลังแสดงความอ่อนแอและความกลัว จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สุดท้ายแล้วรัฐบาลที่กลัวประชาชนของตนเองจะต้องพังทลายไป”
เข้าใจตรงกันนะ โอบามาไม่ได้พูดกระทบ พล.อ.ประยุทธ์ ประเทศไทยไม่ได้สำคัญขนาดนั้น โอบามากระทบชิ่งจีน-รัสเซีย แต่การเมืองระหว่างประเทศไม่ได้ตีเส้นขาวดำ หลังปราศรัยโอบามากับปูตินก็ถกกันแก้ปัญหาซีเรีย
คนไทยจำนวนมากตีปี๊บดีใจที่ไทยได้เป็นประธาน G77 ฝ่ายคัดค้านแย้งว่าเขาวางตัวไว้ 2 ปีแล้ว ฝ่ายรัฐบาลบอกไม่ใช่ แต่ยอมรับว่าเป็นคิวประเทศเอเชียแปซิฟิก เราได้เป็นเพราะบังกลาเทศกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถอนตัว
ไม่ว่าฝ่ายไหนถูก มันมีผลเปลี่ยนภาพลักษณ์ซักแค่ไหนเชียว ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เพียงเจรจาทวิภาคีกับประธานาธิบดีเช็ก นายกรัฐมนตรีฟิจิ และนายกรัฐมนตรีแอนติกาและบาร์บูดา
แบบเดียวกับที่ได้รางวัลจาก ITU เว็บ ITU ระบุชัดเจนเป็นผลงานหลายรัฐบาลรวมกันตั้งแต่ 2 ทศวรรษก่อน ส่วนนโยบาย Smart Thailand 2020 ซึ่งเห็นผลในรัฐบาลนี้ ก็ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลเพื่อไทย (หรือใครจะบอกว่าสานต่อประชาธิปัตย์ก็ไม่ขัด) ที่แน่ๆ ไม่ใช่เพราะนโยบาย Single Gateway
คนไทยจำนวนมากตีปี๊บดีใจว่าคนไทยในสหรัฐฯไปเชียร์ “ลุงตู่” ล้นหลาม ขณะที่ฝ่ายต่อต้านอยู่ได้วันเดียวก็ตังค์หมด ถามว่าถ้ามีคนไทยเป็นล้านไปยืนหน้า UN แล้วจะเปลี่ยนทัศนคติชาวโลกให้เชื่อมั่นรัฐประหารดีกว่าประชาธิปไตย ยังงั้นหรือ
ทัศนะของสหรัฐฯและโลกตะวันตกไม่ได้เปลี่ยนไป มีแต่คนไทยที่หลอกตัวเอง โลกตะวันตกไม่ยอมรับรัฐประหาร วิพากษ์วิจารณ์ ระงับความสัมพันธ์บางด้าน แต่ตราบใดที่ไม่เกิดนองเลือดหรือสงครามกลางเมือง เขาก็ไม่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตและยังทำมาค้าขาย
ที่เหลือก็เป็นเรื่องภายในของคนไทย ซึ่งประเทศไทยไม่ได้เป็นศูนย์กลางของโลกถึงขั้นที่ต้องใช้อำนาจแทรกแซงหรือต้องเปลี่ยนจุดยืนมาง้องอนเอาใจเขาเพียงแต่ไม่เชื่อว่ารัฐประหารจะนำไปสู่ประชาธิปไตยที่ดีและความสงบสันติ เขาก็จับตามองโดยระมัดระวังเรื่องการค้าการลงทุนเพื่อผลประโยชน์ตนเอง
ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครเปลี่ยนได้ เว้นแต่ประเทศไทยจะผ่านวิกฤติไปสู่เลือกตั้งอย่างยอมรับกติกา โลกตะวันตกจึงจะเห็นสัญญาณบวก
ใบตองแห้ง
source : FB Atukkit sawangsuk & http://www.kaohoon.com/online/content/view/19940