ยิ่งทหารปราบหนัก ยิ่งต้องยึดหลักไม่ใช้ความรุนแรง: อ่องซาน ซูจี

บีบีซีไทย - BBC Thai

ยิ่งทหารปราบหนัก ยิ่งต้องยึดหลักไม่ใช้ความรุนแรง: อ่องซาน ซูจี

เผยแนวทางการต่อสู้ที่ปูทางมาสู่วันนี้ของอ่องซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือเอ็นแอลดีของเมียนมาหรือพม่า

ล่าสุดคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งประกาศแล้วว่า อ่องซาน ซูจีชนะเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่เธอลงสมัคร สำนักข่าวเอพีรายงาน

ผลการนับคะแนนล่าสุดทำให้คาดหมายกันว่า พรรคเอ็นแอลดีของนางซูจีจะได้ชัยชนะเสียงข้างมากในการเลือกตั้งหนนี้

ก่อนหน้านี้เฟอร์กอล คีน ผู้สื่อข่าวบีบีซีที่ได้สัมภาษณ์อ่องซาน ซูจีรายงานว่า ผู้นำพรรคเอ็นแอลดีดูจะมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่แล้วว่าเธอจะชนะเลือกตั้งและได้เสียงข้างมากเพื่อจะจัดตั้งรัฐบาล สมาชิกพรรคบอกว่าน่าจะได้อย่างน้อย 75% ของที่นั่ง

อ่องซาน ซูจีบอกนักข่าวว่า สิ่งที่ทำให้เธอเดินมาถึงวันนี้ได้คือการที่เธอยึดหลักการสองอย่าง อันแรก คือหลักการสันติของคานธี คือการไม่ใช้ความรุนแรง

“ยิ่งทหารปราบหนักเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ฉันจำเป็นต้องยึดหลักไม่ใช้ความรุนแรง”

เธอเชื่อว่าการต่อสู้ด้วยกำลังไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องและมันไม่ได้ผล เธอคิดว่าไม่ใช่แค่ชาวโลกเท่านั้นที่เห็นด้วย แต่ชาวพม่าก็เห็นด้วย การตัดสินใจไม่ลี้ภัยและยอมอยู่ภายใต้การกักบริเวณถือเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง เพราะเธอต้องแยกจากสามีและลูกชายสองคน เป็นการเสียสละที่ครอบครัวยอมรับ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นที่ชื่นชมของชาวพม่าอีกหลายสิบล้านคน เมื่อนักข่าวบอกว่า ทหารยังมีอำนาจอย่างมาก อาจจะไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อ่องซาน ซูจีตอบว่า เวลาเปลี่ยน และคนเปลี่ยน ไปแล้ว

“ผู้คนต้องการสันติภาพ” เธอว่า

ความเห็นอย่างหนึ่งที่สำคัญมากที่ออกมาจากการสัมภาษณ์หนนี้ คือเรื่องของมุสลิม การยกเลิกสิทธิในการเลือกตั้งของกลุ่มโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ซึ่งที่ผ่านมาอ่องซาน ซูจีถูกวิจารณ์ว่าไม่พูดจาปกป้องคนกลุ่มนี้ เมื่อถามเรื่องนี้ อ่องซานซูจีบอกว่า ทุกคนจะได้รับการปกป้อง คนที่กล่าวร้ายให้เกิดความเกลียดชังจะต้องถูกลงโทษ

“มันไม่ง่ายที่จะลดการเลือกปฏิบัติ ลดความเกลียดชัง... ฉันเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ต้องการสันติภาพ..พวกเขาไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ด้วยการเสพความเกลียดชังและความหวาดกลัว”

นั่นหมายความว่า เธอจะต้องพยายามรับมือกับพฤติกรรมของพระที่มีอิทธิพลที่กล่าวหาเธอว่า อ่อนข้อให้กับมุสลิม