0


ดำเนินคดี 3 แฮกเกอร์เจาะข้อมูลสถาบันการเงินครั้งใหญ่สุดในสหรัฐฯ

อัยการสหรัฐฯ สั่งฟ้องดำเนินคดีชาย 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์สถาบันทางการเงินในสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ที่สุด มีสถาบันการเงิน 12 แห่งในสหรัฐฯ ที่ถูกแฮกข้อมูลรวมไปถึงเจพี มอร์แกน และฟิเดลลิตี้ มีประชาชนถูกโขมยข้อมูลส่วนตัวกว่า 100 ล้านคนในระหว่าง 2555 - 2558 เป็นคดีที่อัยการระบุว่า แฮกเกอร์มีเป้าหมายแฮกเพื่อแสวงผลกำไรจำนวนมาก

ผู้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีคือนาย เจอรี ชาลอน(Gery Shalon) อายุ 31 ปี นายซีฟ โอเรนสเตน (Ziv Orenstein)อายุ 40 ปี ทั้งสองเป็นชาวอิสราเอล ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่อิสราเอล และชายสัญชาติอเมริกันชื่อ โจชัว แซมมัว เอรอน (Joshua Samuel Aaron)อายุ 30 ปีที่เชื่อว่าหลบหนีอยู่ในมอสโก โดยมีการฟ้องร้องด้วยความผิด 21 ข้อหา ซึ่งรวมถึงการแฮกข้อมูลคอมพิวเตอร์ และขโมยข้อมูลบุคคล

ทั้งสามคนถูกกล่าวหาว่าปั่นราคาหุ้นโดยขายหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ให้กับบุคคลที่พวกเขาได้ขโมยข้อมูลสำหรับการติดต่อไปก่อนหน้านั้น จากนั้นพวกเขาก็ทุ่มขายหุ้นของตัวเอง เป็นเหตุให้หุ้นราคาตก ทั้งสามยังถูกฟ้องร้องว่าดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกระบวนการชำระเงินอย่างผิดกฎหมายซึ่งทำให้พวกเขาได้เงินจากการนี้ 18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ทั้งนี้ ทนายของทั้ง 3 คนยังไม่ได้ให้ความเห็น

ในการแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร (10 พ.ย. 2558) อัยการพรีท ภารารา เรียกคดีนี้ว่า “การฉ้อฉลทางความมั่นคงต่อไซเบอร์สเตียรอยด์" โดยระบุว่าคดีนี้แสดงให้เห็นถึงการแฮกรูปแแบบใหม่เพื่อผลกำไรที่ทำกันเป็นกลุ่มก้อน ไม่ใช่การแฮกเพื่อให้ได้เงินง่าย ๆ เพียงเท่านั้น

ทีมอัยการเปิดเผยเทคนิคการแฮกของบุคคลกลุ่มนี้ว่า พวกเขามักใช้บัญชีที่ถูกต้องตามกฎหมายของนายโจชัว เอรอน เหมือนกับลูกค้าปกติทั่วไป เพื่อเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงเครือข่ายและระบบต่าง ๆ ที่เก็บข้อมูลผู้เล่นหุ้นรายอื่นไว้

พวกเขาขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนมากกว่า100 ล้านคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลรายละเอียดบัญชีธนาคารของบุคคล

พนักงานสอบสวนระบุว่าแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการส่งข่าวสารไปทางอีเมล กระตุ้นให้มีการซื้อหุ้นบางตัวที่พวกเขาซื้อมาถูก เมื่อราคาพุ่งขึ้น พวกเขาจะปล่อยขายหุ้นตัวนั้นออกมาเพื่อทำกำไร

# FinancialCyber-hacking

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top