พบบรรพบุรุษมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ “โฮโม นาเลดี”
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบชิ้นส่วนกระดูกของบรรพบุรุษมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ ในห้องใต้ดินที่อยู่ลึกเข้าไปในถ้ำใกล้กับนครโจฮันเนสเบิร์กในแอฟริกาใต้ โดยให้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “โฮโม นาเลดี” (Homo naledi.) เชื่อว่าเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษรุ่นแรกของมนุษย์ยุคใหม่ ซึ่งอาศัยอยู่ในแอฟริกาในช่วงราวสามล้านปีก่อน โดยบรรพบุรุษมนุษย์สายนี้น่าจะมีความสามารถในการทำพิธีกรรมด้วย
รายงานการค้นพบนี้มีการตีพิมพ์ลงในวารสารออนไลน์ Elife โดยระบุว่า มีการค้นพบซากกระดูกหลายร้อยชิ้นจากโครงกระดูกของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ปะปนกัน 15 ร่าง โดยเป็นการค้นพบครั้งสำคัญและมีจำนวนชิ้นส่วนกระดูกที่พบมากที่สุด เท่าที่เคยมีการค้นพบมาในทวีปแอฟริกา ซึ่งการค้นพบครั้งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับบรรพบุรุษมนุษย์
ศ. ลี เบอร์เกอร์ หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบในครั้งนี้กล่าวว่า มนุษย์นาเลดี จัดอยู่ในสายพันธุ์โฮโม ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกับมนุษย์ยุคใหม่ แต่เขายังไม่ต้องการชี้ชัดว่า มนุษย์นาเลดีคือ “จุดเชื่อมต่อที่หายไป” ในสายวิวัฒนาการของมนุษย์ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เคยพยายามค้นหา ศ. เบอร์เกอร์ชี้เพียงว่า มนุษย์นาเลดีเป็น “สะพานเชื่อม” สายหนึ่ง ระหว่างสัตว์ที่เดินสองเท้าในยุคแรกกับมนุษย์ยุคใหม่
ศ. เบอร์เกอร์เล่าถึงการค้นพบมนุษย์นาเลดีในถ้ำที่แอฟริกาใต้ว่า “คณะของเราไปที่นั่นและคิดว่าน่าจะพบซากดึกดำบรรพ์สักซากหนึ่ง แต่ที่ไหนได้ เราเจอซากกระดูกมากมายหลายชิ้น มีทั้งของเพศหญิงและเพศชาย และมีตั้งแต่ของเด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ การค้นพบแบบนี้จะช่วยให้เราได้ศึกษามนุษย์นาเลดีอย่างละเอียด ตั้งแต่เรื่องความแตกต่างระหว่างเพศหญิงกับเพศชาย อายุที่ทารกหย่านม ตลอดจนพัฒนาการเข้าสู่วัยรุ่น วัยเจริญพันธุ์ รวมทั้งสาเหตุการตาย”
ศ. เบอร์เกอร์ บอกผู้สื่อข่าวบีบีซีว่า รู้สึกประหลาดใจที่ซากกระดูกได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี เขาชี้ว่ากะโหลก ฟันและเท้าของมนุษย์นาเลดีหญิงที่มีอายุมากแล้ว มีลักษณะคล้ายกับมนุษย์ยุคใหม่ที่ยังเป็นเด็ก และมือของมนุษย์นาเลดีมีลักษณะคล้ายกับมือของมนุษย์ยุคใหม่มาก เพียงแต่นิ้วจะมีลักษณะโค้งซึ่งคล้ายกับลิงมากกว่า อย่างไรก็ตาม มนุษย์นาเลดีต่างไปจากมนุษย์ดึกดำบรรพ์ชนิดอื่นที่พบในทวีปแอฟริกา เพราะมีสมองขนาดเล็กพอ ๆ กับลิงกอริลลา ส่วนกระดูกเชิงกรานและกระดูกไหล่มีลักษณะแบบมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ แม้จะมีลักษณะผสมผสานเช่นนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังจัดให้มนุษย์นาเลดีอยู่ในสายพันธุ์โฮโม เพราะว่าลักษณะของกะโหลกสะท้อนถึงวิวัฒนาการที่ก้าวหน้าขึ้นมา รวมถึงการที่มีฟันขนาดเล็ก มีขายาวและเท้ามีรูปทรงคล้ายมนุษย์ยุคใหม่
หัวหน้าคณะผู้ค้นพบครั้งนี้บอกว่า เขาได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็น ตลอด 25 ปี ในอาชีพนักสำรวจซากดึกดำบรรพ์ของเขา อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่เขาสงสัยอยู่มากก็คือ ซากกระดูกดังกล่าวไปอยู่ในที่ฝังศพในถ้ำลึกใต้ดินได้อย่างไร
ในการสำรวจครั้งนี้ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนจากสมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟิก ผู้เข้าร่วมสำรวจภาคสนามที่ผ่านการคัดเลือกจะเป็นผู้หญิงรูปร่างเล็กเท่านั้น เพราะทีมงานต้องคลานเข้าไปในอุโมงค์แคบ ๆ โดยมีเพียงไฟฉายสวมศีรษะช่วยส่องทาง โดยต้องลงคลานกับพื้นไปราว 20 นาที จึงจะถึงห้องที่ฝังศพซึ่งมีซากกระดูกเกลื่อนอยู่หลายร้อยชิ้น มารินา เอลเลียต ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมสำรวจชี้ว่า มนุษย์นาเลดีน่าจะรู้จักการประกอบพิธีกรรม โดยพวกเขาน่าจะได้นำร่างผู้เสียชีวิตรุ่นแล้วรุ่นเล่าเข้าไปไว้ในห้องลึกในถ้ำ ซึ่งแสดงว่าพวกเขามีความสามารถในการประกอบพิธีกรรม ซึ่งเป็นความสามารถที่ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า มีแต่ในมนุษย์ยุคหลังเมื่อราวสองแสนปีมาแล้วเท่านั้น
ศ. เบอร์เกอร์กล่าวเสริม เกี่ยวกับความสามารถในการทำพิธีกรรมของมนุษย์นาเลดีว่า ข้อมูลนี้ทำให้เราต้องมาคิดทบทวนถึงนิยามความเป็นมนุษย์ใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาอาจเข้าใจผิดกันไปว่า พฤติกรรมบางอย่างเกิดขึ้นได้เฉพาะในมนุษย์ยุคใหม่เท่านั้น
ศ. คริส สตริงเจอร์ จากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในกรุงลอนดอน บอกว่าการค้นพบมนุษย์นาเลดีเป็น “การค้นพบที่สำคัญมาก ตอนนี้เราได้พบสายพันธุ์ของบรรพบุรุษมนุษย์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งชี้ว่าธรรมชาติได้ทดลองสร้างวิวัฒนาการมนุษย์หลายสาย จนก่อกำเนิดเป็นสัตว์ที่คล้ายมนุษย์หลายสายพันธุ์ขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ในหลายพื้นที่ของทวีปแอฟริกา แต่ท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงชนิดเดียวที่มีชีวิตรอดและวิวัฒนาการเป็นสายพันธุ์มนุษย์แบบเรา” อย่างไรก็ตามเขาชี้ว่า ผลจากการค้นพบครั้งนี้น่าจะทำให้มีการทบทวนทฤษฎีเกี่ยวกับวิวัฒนาการมนุษย์ในปัจจุบันเสียใหม่





 
Top