ข้อความจากอดีต สปช.หัวโจก NGO อดีตคนเดือนตุลา ที่เผยแพร่ในหมู่พวกเขา หลุดมาให้อ่านชวนฮา (และชวนอ้วก)
บอกแล้วไง ไปรับใช้รัฐประหารจนพุ่งชนภูเขาน้ำแข็งเป็นผี แล้วยังมาโจมตี คสช.อีก สะอิดสะเอียนว่ะ (ใช้คำใหญ่ด้วยนะ ขบวนการปฏิรูปภาคประชาสังคม คุยจังยังกะพวกตัวมีพลังมหาศาล)
..........................................
"ว่าด้วยโหวตรธน.วันนี้"
รายงาน:
- วันนี้สปช.สายคัดค้านฯสามารถโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญได้สำเร็จแบบหวุดหวิด คือ รับ 105:ไม่รับ135:งดออกเสียง7
- ผลการลงคะแนนเป็นไปตามโผที่ปล่อยออกมาผ่านสื่อมติชน147คนก่อนหน้านี้โดยส่วนใหญ่
- นับเป็นการพิสูจน์อิทธิฤทธิ์ของสัญญาณอันแรงเข้ม ที่ส่งจากกลุ่มทหารที่มีอำนาจ ผนวกกับขนมหวาน200ตำแหน่งที่ออกแบบไว้ และผลของการล็อบบี้อย่างเป็นขบวนการได้เป็นอย่างดี
- ผลโหวตคราวนี้ ทำเอาขบวนปฏิรูปภาคประชาสังคมและสปช.ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิต่างรู้สึกเซ็งไปตามๆกัน
- ผลการลงคะแนนเป็นไปตามโผที่ปล่อยออกมาผ่านสื่อมติชน147คนก่อนหน้านี้โดยส่วนใหญ่
- นับเป็นการพิสูจน์อิทธิฤทธิ์ของสัญญาณอันแรงเข้ม ที่ส่งจากกลุ่มทหารที่มีอำนาจ ผนวกกับขนมหวาน200ตำแหน่งที่ออกแบบไว้ และผลของการล็อบบี้อย่างเป็นขบวนการได้เป็นอย่างดี
- ผลโหวตคราวนี้ ทำเอาขบวนปฏิรูปภาคประชาสังคมและสปช.ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิต่างรู้สึกเซ็งไปตามๆกัน
วิเคราะห์:
- ในเรื่องการปฏิรูปนั้น นับตั้งแต่การยึดอำนาจ22พค2557 ผ่านมาแล้ว16เดือน ถึงวันนี้นับว่ายังไม่มีการปฏิรูปเรื่องใดที่ได้ขับเคลื่อนจริงแม้แต่อย่างเดียว สิ่งที่สปช.ได้ทำไว้ให้แก่ประเทศ คือ แค่ได้ออกแบบพิมพ์เขียวการปฏิรูปด้านต่างๆ(37วาระปฏิรูป 9วาระการพัฒนา 6ประเด็นปฏิรูปเร็ว 50ร่างพรบ.ที่เกี่ยวข้อง) มอบไว้ให้แก่สังคมเท่านั้น
- ผลการโหวตวันนี้ ทำให้หลักประกันในการขับเคลื่อนการปฏิรูประดับโครงสร้างข้างบนที่ออกแบบไว้ในร่างรธน.และร่างพรบ.ประกอบรธน.ทั้งหมดเกือบจะตกลงมาเหลือ 0 เลยทีเดียว สิ่งที่เป็นบลูพริ้นท์ของสปช.ทั้งหมดเกือบไม่มีความหมายแล้วสำหรับรัฐบาล นี้ เว้นเสียแต่ภาคประชาสังคมจะรู้จักนำสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้ออกไปใช้ขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงวิธีคิด พฤติกรรมและความสัมพันธ์ในสังคมด้วยตัวเราเอง
- ผลการโหวตวันนี้ ทำให้หลักประกันในการขับเคลื่อนการปฏิรูประดับโครงสร้างข้างบนที่ออกแบบไว้ในร่างรธน.และร่างพรบ.ประกอบรธน.ทั้งหมดเกือบจะตกลงมาเหลือ 0 เลยทีเดียว สิ่งที่เป็นบลูพริ้นท์ของสปช.ทั้งหมดเกือบไม่มีความหมายแล้วสำหรับรัฐบาล นี้ เว้นเสียแต่ภาคประชาสังคมจะรู้จักนำสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้ออกไปใช้ขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงวิธีคิด พฤติกรรมและความสัมพันธ์ในสังคมด้วยตัวเราเอง
มองอนาคต:
- สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปที่รัฐบาลจะตั้งขึ้นใหม่นั้น จะเป็นเพียงเครื่องมือของรัฐบาลเท่านั้น มิใช่เครื่องมือของสังคมอีกต่อไป
- แท้ที่จริง รัฐบาลคสช.มิได้มีความเข้าใจ หรือ มีใจให้กับการปฏิรูปมาตั้งแต่ต้น เขาเชื่อกลไกราชการมากกว่า ในขณะเดียวกันก็หวาดระแวงภาคประชาสังคมและมีท่าทีต่อต้านการปฏิรูปอยู่ในส่วนลึกตลอดเวลา ในเกือบทุกเรื่องที่สปช.คิดกัน
- กลไกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปทจะขึ้นเกิดใหม่ จะได้รับความร่วมมือจากขบวนปฏิรูปภาคประชาชนน้อยลงไปอีก เพราะส่วนประกอบจะเต็มไปด้วยข้าราชการ ทหารตำรวจและกลุ่มแนวคิดอนุรักษ์หรือปฏิปักษ์ปฏิรูปทั้งสภา
- ส่วนกลุ่มสปช.ที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางสังคมเดิม อาจจะถอยออกห่าง วางเฉยหรือไม่ก็สงวนท่าที ด้วยไม่อยากเป็นเครื่องมือให้รัฐบาลใช้
- จากนี้ไป คสช.และรัฐบาลคงจะอยู่ในภาวะขาลงและโดดเดี่ยวขึ้นเรื่อยๆในอัตราที่เร่ง นปช.พรรคการเมือง เอ็นจีโอและกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่เคยไม่ชอบคสช.และรัฐบาลอย่างไรก็คงไม่ชอบอยู่เหมือนเดิม อย่าไปหวังว่าจะได้คะแนนนิยมกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มมวลมหาประชาชนและภาคประชาสังคมที่เคยสนับสนุนคสช.และรัฐบาลก็จะพากันผิดหวังและถอยต้วออกห่าง
- อัศวินสมคิด(รองนายก)จะช่วยคุณประยุทธ์ได้แค่ไหน
- มาตรการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่สมคิดกำลังทำอยู่ ถ้าหากไม่มีเครือข่ายประชาสังคมเข้าหนุนเสริม จะมีอะไรที่แตกต่างไปจากนโยบายประชานิยมที่นักการเมืองทุกพรรคเขาทำกันมาก่อนหน้านี้
- เม็ดเงินงบประมาณและเงินทุนของประเทศที่ทุ่มลงไปรากหญ้า โดยผ่านกลไกระบบราชการ จะสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นทุนทางสังคม ทุนทางสิ่งแวดล้อมหรือทุนทางโครงสร้างเศรษฐกิจฐานล่างในระยะยาว ได้จริงแค่ไหน เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
- แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือการลดความคาดหวังการเปลี่ยนแปลงจากข้างบน และหันกลับมาสู่ขบวนปฏิรูปภาคปฏิบัติจากฐานล่าง เปลี่ยนสำนึก วิธีคิดและระบบความสัมพันธ์ในหมู่ประชาชนพลเมืองและสังคมไทยเป็นด้านหลัก.
- สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปที่รัฐบาลจะตั้งขึ้นใหม่นั้น จะเป็นเพียงเครื่องมือของรัฐบาลเท่านั้น มิใช่เครื่องมือของสังคมอีกต่อไป
- แท้ที่จริง รัฐบาลคสช.มิได้มีความเข้าใจ หรือ มีใจให้กับการปฏิรูปมาตั้งแต่ต้น เขาเชื่อกลไกราชการมากกว่า ในขณะเดียวกันก็หวาดระแวงภาคประชาสังคมและมีท่าทีต่อต้านการปฏิรูปอยู่ในส่วนลึกตลอดเวลา ในเกือบทุกเรื่องที่สปช.คิดกัน
- กลไกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปทจะขึ้นเกิดใหม่ จะได้รับความร่วมมือจากขบวนปฏิรูปภาคประชาชนน้อยลงไปอีก เพราะส่วนประกอบจะเต็มไปด้วยข้าราชการ ทหารตำรวจและกลุ่มแนวคิดอนุรักษ์หรือปฏิปักษ์ปฏิรูปทั้งสภา
- ส่วนกลุ่มสปช.ที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางสังคมเดิม อาจจะถอยออกห่าง วางเฉยหรือไม่ก็สงวนท่าที ด้วยไม่อยากเป็นเครื่องมือให้รัฐบาลใช้
- จากนี้ไป คสช.และรัฐบาลคงจะอยู่ในภาวะขาลงและโดดเดี่ยวขึ้นเรื่อยๆในอัตราที่เร่ง นปช.พรรคการเมือง เอ็นจีโอและกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่เคยไม่ชอบคสช.และรัฐบาลอย่างไรก็คงไม่ชอบอยู่เหมือนเดิม อย่าไปหวังว่าจะได้คะแนนนิยมกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มมวลมหาประชาชนและภาคประชาสังคมที่เคยสนับสนุนคสช.และรัฐบาลก็จะพากันผิดหวังและถอยต้วออกห่าง
- อัศวินสมคิด(รองนายก)จะช่วยคุณประยุทธ์ได้แค่ไหน
- มาตรการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่สมคิดกำลังทำอยู่ ถ้าหากไม่มีเครือข่ายประชาสังคมเข้าหนุนเสริม จะมีอะไรที่แตกต่างไปจากนโยบายประชานิยมที่นักการเมืองทุกพรรคเขาทำกันมาก่อนหน้านี้
- เม็ดเงินงบประมาณและเงินทุนของประเทศที่ทุ่มลงไปรากหญ้า โดยผ่านกลไกระบบราชการ จะสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นทุนทางสังคม ทุนทางสิ่งแวดล้อมหรือทุนทางโครงสร้างเศรษฐกิจฐานล่างในระยะยาว ได้จริงแค่ไหน เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
- แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือการลดความคาดหวังการเปลี่ยนแปลงจากข้างบน และหันกลับมาสู่ขบวนปฏิรูปภาคปฏิบัติจากฐานล่าง เปลี่ยนสำนึก วิธีคิดและระบบความสัมพันธ์ในหมู่ประชาชนพลเมืองและสังคมไทยเป็นด้านหลัก.