ยังไม่มีวี่แววว่าสงครามที่ยืดเยื้อในซีเรียจะยุติลงง่าย ๆ
เจเรมี โบเวน ผู้สื่อข่าวกิจการตะวันออกกลางของบีบีซี รายงานมาจากกรุงดามัสกัสว่า การคาดการณ์ไปต่าง ๆ นานาว่า กรุงดามัสกัสจวนจะแตก หรือในอีกไม่นานก็จะแตกแล้ว ล้วนแต่เป็นการคาดการณ์ที่ผิดทั้งเพ เพราะตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะเป็นเช่นนั้น โดยพื้นที่ซึ่งอยู่ในการยึดครองของกองทัพรัฐบาลที่ผู้สื่อข่าวบีบีซีไปเห็นมากับตา ยังคงสงบ ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างยังดำเนินไปตามปกติ และที่กระทรวงกลาโหมในกรุงดามัสกัส แม้มีการเสริมการรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น ก็ยังคงมีเจ้าหน้าที่ไปทำงานตามปกติ
รัฐบาลซีเรียระดมกำลังทหารหน่วยที่มีฝีมือและมีประสิทธิภาพสูงสุด ในการตรึงกำลังในกรุงดามัสกัส เพราะการรักษาเมืองหลวงมีความสำคัญมาก และดูเหมือนว่าบรรดาทหารหาญที่ผู้สื่อข่าวพบมีกำลังใจดีเยี่ยม ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเขามีอาวุธยุทโธปกรณ์ครบมือใช้ รวมทั้งรักษาที่มั่นอย่างแข็งขัน ขณะที่คนซีเรียในกรุงดามัสกัสต่างบ่นกันว่า เมืองหลวงมีขนาดเล็กลง เพราะตลอด 4 ปีของสงครามและการสู้รบในพื้นที่ย่านชานเมืองหลายจุด ทำให้หลายแห่งกลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่และสินค้ามีราคาแพงขึ้น แต่เศรษฐกิจก็ยังเดินหน้าไปได้ ชาวนายังคงนำผักผลไม้ไปขายที่ตลาด และตลาดขายส่งผักผลไม้ในเมืองหลวงยังคงเปิดให้บริการ
แม้ว่าในปีนี้ ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดและบรรดานายทหารต้องเสียเมืองในต่างจังหวัดให้กับกลุ่มกบฏไปอย่างน้อย 2 เมือง แต่ซีเรียยังคงได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซีย อิหร่านและกลุ่มฮิซบอลลาห์ในเลบานอน และดูเหมือนว่าตอนนี้รัสเซียเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารให้กับซีเรียมากขึ้นด้วย นักรบของกลุ่มฮิซบอลลาห์นั้นช่วยรบอยู่บริเวณพรมแดนเลบานอน ส่วนอิหร่านให้ความช่วยเหลือด้านการเงินและทางทหาร
ผู้สื่อข่าวบีบีซีชี้ว่า ในที่สุดชาติตะวันตกที่มีฐานะร่ำรวย ก็ได้ค้นพบในสิ่งที่เพื่อนบ้านของซีเรียได้พบมาแล้ว นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้นเมื่อปี 2554 ว่า สงครามก่อให้เกิดปัญหา ความรุนแรงและผู้ลี้ภัยตามมา ประชากรซีเรียในยุคก่อนสงครามราวครึ่งหนึ่งต้องพากันหนีภัย ราว 8 ล้านคนอยู่ในซีเรีย แต่กลายเป็นคนพลัดถิ่น เป็นผู้ลี้ภัยในแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนของตน ส่วนอีก 4 ล้านได้ลี้ภัยออกจากซีเรียแล้ว
อังกฤษและชาติอื่นต่างหวังว่า การส่งความช่วยเหลือไปให้ผู้ลี้ภัยที่อยู่ตามค่ายผู้อพยพ จะช่วยให้พวกเขาอยู่ในค่ายและไม่เคลื่อนย้ายไปไหน แต่ผู้ลี้ภัยเองกลับหมดหวังที่จะได้เห็นสงครามยุติโดยเร็ว เพราะยังคงมีการสู้รบกันอยู่ พวกเขารู้ดีว่าโอกาสที่จะได้กลับถิ่นฐาน จะไม่เกิดขึ้นในเร็ววันอย่างแน่นอน ขณะที่สภาพความเป็นอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยและที่พักพิงชั่วคราวที่อยู่กันอย่างแออัดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และหากจะไปอยู่ตามค่ายในจอร์แดนและตุรกี พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องอยู่แบบนั้นไปอีกนานแค่ไหน และจะยิ่งแย่ไปกว่านั้นอีก หากพวกเขาต้องไปอยู่ตามสลัมในเลบานอน
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวชี้ว่าประเด็นที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายหนักลง มาจากการที่ชาติตะวันตกที่ร่ำรวย ซึ่งเคยให้เงินช่วยเหลือในปฏิบัติการของสหประชาชาติ กลับตัดลดความช่วยเหลือลง โดยโครงการอาหารโลกได้ตัดลดงบประมาณต่อเดือนสำหรับค่าใช้จ่ายต่อหัวด้านอาหารลง จากระหว่าง 500-1,000 บาท เหลือ 300-700 บาท โดยในซีเรีย งบด้านอาหารสำหรับผู้ลี้ภัยตก 450 บาท ต่อคนต่อเดือน ส่วนอาหารที่ได้เป็นอาหารพื้น ๆ ที่พอประทังชีวิตไปได้เท่านั้น
แหล่งข่าวระดับสูงในสหประชาชาติชี้ว่า การตัดลดงบความช่วยเหลือเป็นการตัดสินใจที่ “ประหลาดและผิดปกติ” และแหล่งข่าวยังได้บอกด้วยว่า พวกเขาได้เตือนให้ประเทศผู้บริจาคทราบล่วงหน้ามาถึง 6 เดือนแล้วว่า วิกฤตและความสิ้นหวังจะลุกลามบานปลายจากตะวันออกกลางไปยังยุโรป และสถานการณ์จะเป็นไปแบบนี้ตราบเท่าที่สงครามยังไม่ยุติ โดยกลุ่มกบฏที่ใหญ่และมีกำลัง ที่พยายามจะโค่นประธานาธิบดี อัล-อัสซาด เป็นกลุ่มที่มีแนวคิดหลากหลาย ตั้งแต่กลุ่มชาตินิยมที่ยึดแนวทางด้านศาสนา ไปจนถึงกลุ่มไอเอสที่ยึดพื้นที่บางส่วนในซีเรียและอิรักไว้ได้เพื่อจัดตั้งรัฐอิสลาม นอกจากนั้นยังมีกลุ่มกบฏที่สู้รบแย่งชิงอำนาจกันเอง ผลัดเปลี่ยนขั้วการเป็นพันธมิตรไปตามสถานการณ์ ส่วนกลุ่มกบฏที่ชาติตะวันตกหนุนหลัง เป็นกลุ่มที่ไม่มีบทบาทเด่น
ผู้สื่อข่าวชี้ว่า เรื่องที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกคือชาติมหาอำนาจในภูมิภาคและทั่วโลก ต่างเข้าแทรกแซงวิกฤตครั้งนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น รัสเซีย สหรัฐฯ อังกฤษ อิหร่าน ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จอร์แดน และกลุ่มฮิซบอลลาห์ในเลบานอน จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมการเจรจาทุกครั้งที่ผ่านมาถึงล้มเหลว เพราะแต่ละฝ่ายต่างก็มีประเด็นและผลประโยชน์ของตนเองที่จะต้องปกป้อง บางชาติก็ขัดแย้งกันเองอยู่แล้ว เช่น อิหร่านกับซาอุฯ ต่างทำสงครามตัวแทนอยู่ในซีเรีย ขณะที่รัสเซียกับสหรัฐฯ ก็มีประเด็นขัดแย้งกันอยู่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ชาติดังกล่าวเหล่านั้นจะทุ่มเทความพยายามอย่างจริงจังเพื่อให้สงครามยุติ หรือแม้กระทั่งเพื่อยับยั้งไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่าที่เป็นอยู่
ผู้สื่อข่าวบีบีซีสรุปตอนท้ายว่า เสียงเรียกร้องของบรรดานักการเมืองที่อยู่ห่างไกลจากซีเรีย ที่ขอให้ฝ่ายต่าง ๆ ที่สู้รบกัน หันหน้ามาตกลงกัน จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีทางจะสำเร็จได้ เพราะในซีเรียขณะนี้ การช่วงชิงความได้เปรียบและการชิงชัยในสงคราม สำคัญกว่าการเมืองหรือการทูต
ภาพประกอบ – ภาพแรก การสู้รบในซีเรีย; ภาพ 2 ภาพประกาศรับสมัครทหารมีให้เห็นทั่วไปในกรุงดามัสกัส; ภาพ 3 ทหารซีเรีย; ภาพ 4 ปธน. บาชาร์ อัล-อัสซาด


 
Top