0


ผลกระทบคดีค้ามนุษย์กลุ่มโรฮิงญา หัวหน้าทีมสอบสวนลาออก 

ปิดสำนวนแล้วแต่ถูกย้ายไปใต้อยู่ในเขตอิทธิพลจำเลยหวั่นถูกเอาคืน ระบุเคยมีการข่มขู่และอาจมีผลต่อพยานและกระทบคดี ขณะที่ศาลเตรียมพร้อมรับคดีที่มีจำเลย 88 คน มีทั้งเจ้าหน้าที่ นักการเมืองท้องถิ่น

วันนี้ 7 พ.ย.นสพ.ไทยรัฐ สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นและสื่ออีกหลายรายรายงานว่า พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ซึ่งรับหน้าที่หัวหน้าทีมสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ไอเอ็นเอ็นรายงานว่า คาดว่าจะมีผลในเดือนธ.ค.เพราะต้องรอการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา สื่อทั้งสองแห่งต่างรายงานว่า เหตุผลในการขอลาออกจากราชการของนายตำรวจผู้นี้คือเกรงว่าการไปทำงานในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้นั้นจะตกอยู่ในเขตอิทธิพลของผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ที่มีเป็นจำนวนมากและหลายคนเป็นเจ้าหน้าที่ ทั้งหมดล้วนอยู่ในภาคใต้ จึงเกรงว่าอาจจะมีการแก้แค้

ก่อนหน้านี้พล.ต.ต.ปวีณให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไว้ถึงปัญหาการข่มขู่จากบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องและเสียประโยชน์ ไทยพีบีเอสรายงานไว้เมื่อ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยสัมภาษณ์ของพล.ต.ต.ปวีณที่ระบุว่า
ผู้ต้องหาในคดีส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีสมัครพรรคพวก มีกำลังทรัพย์ ใช้อำนาจต่างๆในทุกรูปแบบ ที่ผ่านมาพยานได้แจ้งความร้องทุกข์ว่ามีการข่มขู่ ในส่วนของเจ้าหน้าที่เองต้องระมัดระวังตัวเอง

“ทางตำรวจก็ต้องระวังโดยตัวเองในการเดินทางไปไหนมาไหน คดีนี้มีผู้ต้องหาจำนวนมาก มีสมัครพรรคพวกจำนวนมาก จนท.ทุกคนต้องระวังไม่ให้ตกเป็นเป้า จะทำอะไรต่างๆต้องยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด ถ้าทำภายใต้กฎหมายอย่างจริงจัง กฎหมายคงคุ้มครองจนท.”

“คดีนี้ตำรวจสอบสวนร่วมกับอัยการ จะสอบสวนโดยลำพังไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นจะเป็นการสอบสวนโดยไม่ชอบทันที คณะกรรมการเหล่านี้ทำงานด้วยกันตลอด แต่ผู้ต้องหาหรือผู้ไม่หวังดีไม่คิดเช่นนี้น เขาคิดว่าทำอะไรจนท.ได้เพื่อประโยชน์ของเขา เขาก็จะทำ เราทำอะไรไม่ได้นอกจากป้องกัน นั่นคือรูปแบบที่เราเจอมา” ส่วนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสของพล.ต.ต.ปวีณ พร้อมกับระบุว่า ปัญหาสำคัญของการถูกข่มขู่คือ อาจทำให้พยานสำคัญๆในคดีที่เบิกความล่วงหน้าไปแล้วกลัวและกลับคำให้การในชั้นศาลซึ่งก็จะเสียหายต่อพยานหลักฐานที่รวบรวมมาและต่อการทำคดี

นสพ.ไทยรัฐรายงานว่า พล.ต.ต.ปวีณบอกด้วยว่า การที่ทำคดีโรฮิงญาทำให้มีศัตรูรอบตัว ครอบครัวเป็นห่วงความปลอดภัย เมื่อขอให้ผู้บังคับบัญชาทบทวนคำสั่งย้ายแล้วไม่เป็นผลก็ต้องลาออก พร้อมกับระบุว่าการต้องลาออกเป็นเรื่องที่เสียใจอย่างมากเพราะเป็นอาชีพที่ตนรัก

ก่อนหน้านั้นพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันคำสั่งโยกย้ายโดยบอกว่าพล.ต.ต.ปวีณเป็นผู้มีความสามารถ ตำรวจอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้

อนึ่งคดีค้ามนุษย์โรฮิงญานั้นในสัปดาห์หน้าจะมีการนัดตรวจสอบพยานหลักฐานตั้งแต่ 10 -13 พ.ย. เป็นคดีที่รวมแล้วมีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 88 คนประกอบด้วยนายบรรจง ปองพลและพวก โดยนายบรรจงเป็นนายกเทศมนตรีปาดังเบซาร์ ส่วนรายชื่อจำเลยทั้งหมดนั้นเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผย ในขณะที่นสพ.ข่าวสดรายงานไว้เมื่อ 9 พ.ค. ว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้สั่งให้มีการสอบสวนเจ้าหน้าที่ในสังกัดของกระทรวงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเพียงใดหรือไม่ รวมทั้งได้สั่งย้ายหัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าปาดังเบซาร์เข้าประจำสำนักงานทรัพยากรป่าไม้ที่สงขลาเพื่อเปิดทางให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง นอกจากนั้นในรายงานระบุด้วยว่า มีการสอบสวนความเกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารอีกด้วย

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top