เปิดที่มาชายต่างชาติถูกรวบโยงบึ้ม ที่แท้เคลื่อนไหวช่วยอุยกูร์ในไทย
.
แม้จะยังไม่มีการยืนยันจากทางตำรวจเกี่ยวกับสัญชาติของชายที่ถูกจับกุม และที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติม รวมทั้งไม่ระบุประเด็นที่เป็นมูลเหตุของการลอบวางระเบิดกลางกรุงเทพฯ ว่าเกี่ยวโยงกับการส่งคนเชื้อชาติใดไปยังประเทศใด แต่ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ก็ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับแล้ว
.
แม้จะยังไม่มีการยืนยันจากทางตำรวจเกี่ยวกับสัญชาติของชายที่ถูกจับกุม และที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติม รวมทั้งไม่ระบุประเด็นที่เป็นมูลเหตุของการลอบวางระเบิดกลางกรุงเทพฯ ว่าเกี่ยวโยงกับการส่งคนเชื้อชาติใดไปยังประเทศใด แต่ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ก็ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับแล้ว
โดยเฉพาะชายที่ถูกจับกุมคาห้องพักย่านหนองจอก
ชายคนนี้อายุ 28 ปี ถือพาสปอร์ตประเทศตุรกี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่าเป็นพาสปอร์ตปลอม จึงยังไม่สามารถระบุสัญชาติที่แท้จริงได้
ทว่าจากการตรวจสอบพบว่า ชายผู้นี้ซึ่งมีชื่อตามพาสปอร์ตที่ติดรูปเขา และเจ้าหน้าที่พบขณะถูกจับกุมนั้น ใช้ชื่อว่า "อาเดม คาราดาก" เขาเป็นชาวอุยกูร์ที่น่าเชื่อว่าได้สัญชาติตุรกีแล้ว พำนักอยู่ในประเทศไทยมาระยะหนึ่ง เป็นหนึ่งในกลุ่มที่วิ่งเต้นให้ความช่วยเหลือชาวอุยกูร์ที่ถูกจับกุมจากทางการไทยในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นอุยกูร์จากมณฑลซินเจียงของประเทศจีนที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศตุรกี โดยผ่านทางลาว กัมพูชา ไทย และมาเลเซียนั่นเอง
จากคำบอกเล่าของกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนไทย และองค์กรมุสลิมที่ทำงานด้านให้ความช่วยเหลือชาวอุยกูร์และมุสลิมที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน พบว่าหลายคนเคยเห็น นายอาเดม คาราดาก ระหว่างวิ่งเต้นช่วยเหลือชาวอุยกูร์ที่ถูกจับเพราะหลบหนีเข้าเมือง โดยมีการสันนิษฐานว่า นายอาเดม เป็นผู้ที่ดูแลด้านการเงินสำหรับช่วยเหลือชาวอุยกูร์ที่ถูกคุมตัวตามห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และบ้านพักของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยเฉพาะเรื่องคดีและอาหารการกิน เนื่องจากต้องรับประทานอาหารฮาลาลตามหลักศาสนาอิสลาม
มีการตั้งข้อสังเกตจากคนที่เคยพบเห็นหรือพูดคุยกับนายอาเดมว่า เขาอาจเกี่ยวข้องในขบวนการจัดทำพาสปอร์ตปลอมเพื่อส่งชาวอุยกูร์เข้ามาเลเซียและเดินทางต่อไปยังประเทศตุรกี เนื่องจากพฤติการณ์ของเขานั้น ไม่ยอมบอกชื่อจริงกับใคร และจะให้ชื่อหลายๆ ชื่อกับคนหรือหน่วยงานที่เข้าไปติดต่อ จึงไม่มีใครรู้ว่าเขามีชื่อจริงว่าอะไร เช่นเดียวกับชาวอุยกูร์ที่ถูกจับกุมฐานหลบหนีเข้าเมือง ก็มักจะบอกชื่อปลอมกับเจ้าหน้าที่
เครือข่ายชาวอุยกูร์ที่เกี่ยวข้องกับนายอาเดม เคยเข้าพบองค์กรของรัฐที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนด้วย แต่เป็นการเข้าพบแบบลับๆ ไม่มีการทำบันทึกการเข้าพบหรือบันทึกการประชุม
