สันติภาพภาคใต้: ตัวแทนทีมรัฐบาลเรียกร้องประชาชนสนับสนุนการพูดคุย แต่ให้ใจเย็นชี้เพิ่งเริ่มคุยไม่อาจลดความรุนแรงได้ในฉับพลัน ประเมินผลลัพท์ที่ได้จากการพบปะสามครั้งว่าทำให้ส่วนหนึ่งของขบวนการทุกกลุ่มประกาศหันหน้าเข้าหาสันติวิธี โดดเดียวกลุ่มที่ยังใช้ความรุนแรง
พล.ท.นักรบ บุญบัวทอง เลขานุการคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขของรัฐบาลไทยให้สัมภาษณ์รายการทีวีคม-ชัด-ลึก ตอนพูดคุยสันติสุขเมื่อคืนวันที่ 31 ส.ค. โดยเรียกร้องให้สังคมไทยสนับสนุนหนทางสันติวิธีและให้โอกาสทีมงานพูดคุยของทั้งสองฝ่ายได้ทำงาน พร้อมทั้งอธิบายด้วยว่า การพูดคุยเพื่อสันติภาพเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม สองฝ่ายยังต้องสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันอีกมาก แต่ก็ประเมินผลที่ได้จากการผลักดันให้มีการพูดคุยว่า ทำให้ในการพบปะกันครั้งที่หนึ่ง มีกลุ่มต่างๆเข้าร่วมการพูดคุยครบหกกลุ่ม ในหนที่สองได้มีการสร้างความเชื่อมั่นด้วยการพิสูจน์ศักยภาพการสั่งการในช่วงเดือนถือศีลอด แม้จะไม่ได้ผลทั้งหมด กล่าวคือในบางจุดยังมีเรื่องอยู่แต่ก็นับว่าได้รับการพิสูจน์ระดับหนึ่ง ส่วนในครั้งที่สามได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคนที่มานั่งโต๊ะพูดคุย และหลักการของพวกเขาคือสันติวิธี “เพราะฉะนั้นเรื่องของการใช้กำลังเป็นเรื่องของใครไม่รู้ แต่คนในส่วนของหกกลุ่มนี้ยืนยันใช้สันติวิธี”
เลขานุการทีมพูดคุยสันติสุขบอกว่า การพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่างนั้นทางการประเมินมาแล้วว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำ เพราะขณะนี้ถือว่าฝ่ายรัฐบาลสามารถคุมสถานการณ์ได้ จึงเป็นเวลาที่ควรจะคุย เพราะว่าในที่สุดแล้วการพูดคุยเป็นวิธีการที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งได้อย่างยั่งยืน “ จะแก้ไขความขัดแย้งอย่างยั่งยืนต้องใช้การคุยกัน อยากให้สนับสนุนการพูดคุยก่อนครับ คุยถูกคุยผิดเดี๋ยวเราก็ค่อยๆขยับไป ไม่คุยเลยก็คือใช้อาวุธเข้าต่อสู้กัน สนับสนุนเรื่องการพูดคุยคือสนับสนุนการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน แต่ในช่วงแรกๆถ้ามันไม่มีผลก็ขอให้ใจเย็นๆเพราะเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา และขอให้มั่นใจในทีม” เมื่อถูกถามย้ำถึงเรื่องความเป็น “ตัวจริง” พล.ท.นักรบยืนยันว่าใช่พร้อมระบุว่า ข่าวกรองของทุกหน่วยงานตรงกันหมดสามารถยืนยันได้ ส่วนเรื่องที่ว่าในกลุ่มซึ่งประกอบด้วยกลุ่มต่างๆ 6 กลุ่มนั้นจะส่งใครมาในหนไหนบ้างเป็นเรื่องของทีมเอง
พล.ท.นักรบระบุถึงขั้นตอนของการพูดคุยว่า วางไว้สามระดับ ช่วงแรกคือช่วงของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ จากนั้นจะเป็นเรื่องของการลงสัตยาบัน แล้วจึงจะทำโรดแมปหรือแผนในการดำเนินการในแต่ละเรื่อง
ส่วนประเด็นที่ผู้ดำเนินรายการป้อนคำถามเป็นหลักคือเรื่องความรุนแรงที่ควรจะยุติเมื่อมีการพูดคุยกัน เรื่องนี้เลขานุการคณะพูดคุยชี้แจงว่าสังคมไทยต้องใจเย็นเพราะฝ่ายขบวนการเพิ่งจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มภายใต้ชื่อมารา ปาตานี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ “มันเป็นข้อดีที่เขาเปิดตัวได้ ปกติเขาไม่เปิดกัน” นอกจากนั้นพล.ท.นักรบชี้ว่า ในกลุ่มขบวนการเองมีทั้งคนที่ต้องการพูดคุยและคนที่ไม่ต้องการ ต้องสนับสนุนคนที่หันหน้าเข้าหาการพูดคุย อีกด้านหนึ่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ไม่ได้มาจากกลุ่มขบวนการอย่างเดียว แต่มีกลุ่มผลประโยชน์ใต้ดินหลายรูปแบบทั้งในเรื่องยาเสพติดและอื่นๆที่ต่างก็ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ไม่สงบและไม่ต้องการให้แก้ปัญหาได้สำเร็จ
ผู้ดำเนินรายการซักถามเรื่องเป้าหมายของการพูดคุยโดยเฉพาะกลุ่มมารา ปาตานี ว่าเหตุใดจึงยังคงยึดเรื่องเอกราชอยู่ในคำประกาศประกอบการแถลงข่าวที่มาเลเซีย พล.ท.นักรบชี้ว่ากรอบของการพูดคุยหนนี้กำหนดชัดเจนว่าอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และที่สิ่งสำคัญคือในการพูดคุยนั้นจุดจบของการพูดคุยไม่ได้อยู่ที่โต๊ะพูดคุยของสองฝ่าย แต่อยู่ที่ประชาชนจะสามารถยอมรับสิ่งที่พูดคุยกันได้หรือไม่ ทั้งสองฝ่ายต้องเอาสิ่งที่ไปพูดคุยมานั้นไปนำเสนอต่อประชาชน สุดท้ายต้องดูว่าคนในพื้นที่ต้องการอะไร เมื่อผู้ดำเนินรายการถามซ้ำว่า จะพูดได้หรือไม่ว่า กลุ่มมารา ปาตานี ละทิ้งเป้าหมายเรื่องต้องการเอกราชไปแล้ว พล.ท.นักรบบอกว่า ในกลุ่มขบวนการเองก็ย่อมมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
นอกจากนั้นยังชี้แจงในเรื่องขั้นตอนของการพูดคุยว่า เวลานี้ยังไม่มีการยื่นข้อเรียกร้องใดๆต่อกัน สิ่งที่นำเสนอฝ่ายละสามข้อให้อีกฝ่ายตอบสนองก็เป็นเพียงเงื่อนไขเบื้องต้นประกอบการพูดคุย แม้ไม่ได้ทำตามก็ยังมีการพูดคุยกันต่อไปได้ พล.ท.นักรบ เน้นย้ำถึงการสร้างความไว้ใจซึ่งกันและกัน โดยยกตัวอย่างว่า ทางทีมมารา ปาตานีเองได้ชี้แจงก่อนหน้านี้แล้วว่าพวกเขาจะแถลงข่าว ทางไทยก็พร้อมเปิดทางให้เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าฝ่ายไทยเปิดตัวกับสื่อได้ฝ่ายเดียว
เลขานุการทีมพูดคุยฝ่ายไทยบอกว่า ข้อเสนอของฝ่ายไทยสามข้อ และของกลุ่มมาราปาตานีสามข้อเพื่อให้อีกฝ่ายตอบสนองนั้น ความแตกต่างจะเห็นได้ว่า “เขาเสนอเพื่อองค์กรเขา สามข้อของเราเราเสนอเพื่อประชาชน เพื่อให้การพูดคุยมีผลต่อประชาชน สามข้อนี้จะเป็นเครื่องมือให้เราเดินต่อไปได้ เช่นเรื่องของความปลอดภัย” แต่พล.ท.นักรบยืนยันว่าในระหว่างที่มีการพูดคุยการปฏิบัติการทางทหารก็ต้องเต็มที่ และอาจจะเข้มมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“คณะทำงานเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ ขอรับประกันไม่ต้องกลัวเราจะไม่ยอมเสียเปรียบหรือนำความเสียหายมาให้ประเทศชาติ ไม่มีทาง อยากให้ทุกท่านเข้าใจในการทำงาน ยอมรับและสนับสนุน อย่าเพิ่งติหรือวิจารณ์ ถ้าเราเดินตามกระบวนการสามขั้นไม่หลุดจากกรอบ ประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่สนับสนุนการพูดคุยสันติภาพ ไม่ใช้กำลังก็คิดว่าจะไปได้และประสบความสำเร็จ”

 
Top