ธนาคารสเปิร์มในอังกฤษหาทางเพิ่มยอด หลังทั้งปีมีผู้บริจาคที่ผ่านการคัดกรองแค่ 9 ราย
ผู้บริหารของธนาคารสเปิร์มในเมืองเบอร์มิงแฮมของอังกฤษ กำลังวางแผนรณรงค์ให้ผู้ชายมาบริจาคสเปิร์มกันมากขึ้น หลังจากจัดตั้งธนาคารมาเป็นเวลาหนึ่งปี แต่มีผู้บริจาคที่ผ่านการคัดกรองเพียง 9 รายเท่านั้น คาดว่าการแก้ไขกฎหมายเมื่อ 10 ปีที่แล้วซึ่งยกเลิกข้อบังคับที่ให้ปกปิดชื่อผู้บริจาค เป็นสาเหตุทำให้มีผู้บริจาคสเปิร์มลดลง โดยเด็กที่เกิดจากสเปิร์มของผู้บริจาคตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา จะมีสิทธิ์ตรวจสอบเพื่อรู้ได้ว่าใครคือพ่อเมื่อมีอายุครบ 18 ปี ขณะที่ผู้บริจาคไม่มีสิทธิ์ตามกฎหมายในฐานะผู้ปกครอง และไม่มีชื่อปรากฏอยู่ในใบเกิดของเด็กด้วย
นางลอร์รา วิทเจนส์ ผู้บริหารของธนาคารสเปิร์มแห่งชาติของอังกฤษ บอกกับ นสพ.เดอะการ์เดียนว่าจะใช้วิธีรณรงค์อย่างที่ทำสำเร็จมาแล้วในเดนมาร์ค คือการเชิดชูความเป็นวีรบุรุษและความภาคภูมิใจของผู้ชาย เพื่อดึงดูดให้มีผู้บริจาคสเปิร์มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนจะรณรงค์ให้ผู้ชายบริจาคสเปิร์มเป็นของขวัญวันคริสต์มาสในปีนี้ด้วย
ธนาคารสเปิร์มของอังกฤษได้รับเงินทุนก่อตั้งขึ้นที่โรงพยาบาลสตรีในเมืองเบอร์มิงแฮม เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนสเปิร์มซึ่งเป็นสาเหตุให้ผู้มีความต้องการใช้ ซึ่งอาจหมายถึงคู่รักเพศเดียวกันหรือผู้หญิงโสดที่ต้องการมีลูก ต้องเดินทางไปต่างประเทศหรือใช้บริการจากแหล่งที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางการ นอกจากนี้ธนาคารสเปิร์มยังเป็นแหล่งให้ผู้ขอรับบริจาคที่มีวัฒนธรรมต่างออกไปสามารถเลือกผู้บริจาคที่มีพื้นเพทางวัฒนธรรมเดียวกันได้ด้วย ธนาคารมีเป้าหมายส่งสเปิร์มที่ได้รับบริจาคไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศในปีหน้า
นางวิทเจนส์ บอกว่า แม้จำนวนผู้บริจาค 9 ราย จะถือว่าน้อย แต่สเปิร์มที่ได้สามารถนำไปช่วยเหลือผู้ต้องการมีบุตรได้ถึง 90 ครอบครัว อย่างไรก็ตาม สเปิร์มที่บริจาคได้จะต้องมีคุณภาพเพียงพอ ผู้ชายหลายคนอาจเกิดอาการท้อไปเสียก่อนขณะถูกตรวจคัดกรอง แต่ก็มีบางคนถูกปฏิเสธไม่ให้บริจาค
ผู้ชายที่สนใจจะบริจาคสเปิร์ม จะต้องเดินทางไปยังคลินิกสองครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลาสามหรือสี่เดือน โดยจะได้รับค่าตอบแทนครั้งละประมาณ 1,150 บาท เพื่อทำการทดสอบหลายอย่าง จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการเก็บสเปิร์มแช่แข็งและนำไปทดสอบ ซึ่งถือว่าสำคัญที่สุด แต่ผู้บริจาค 80-90% ไม่ประสบความสำเร็จในขั้นตอนนี้
นางวิทเจนส์ เห็นว่า การให้ค่าตอบแทนแม้จะเป็นแรงจูงใจแก่ผู้บริจาคสเปิร์ม แต่ก็อาจทำให้มีผู้บริจาคเพื่อทำเงินโดยปิดบังปัญหาทางสุขภาพของตน