มหาวิทยาลัยสหรัฐฯ ครองท็อป 5 ในการจัดอันดับล่าสุดของ QS World University Rankings
ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกประจำปี 2015/16 ของ QS World University Rankings ปรากฏว่า มหาวิทยาลัยชั้นนำ 5 อันดับแรกของโลกในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา โดยอันดับหนึ่งได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ (MIT) ตามมาด้วยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นอันดับสอง มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ของอังกฤษครองอันดับสามร่วมกัน และสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย (Caltech) อยู่ในอันดับห้า
ในปีนี้ QS ซึ่งเป็นผู้จัดอันดับระบุว่า มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดอันดับเล็กน้อย เพื่อแก้ข้อครหาที่ว่า QS เน้นให้ความสำคัญกับมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญในด้านชีววิทยาศาสตร์มากเกินไป การจัดอันดับในปีนี้จึงหันมาใช้เกณฑ์ที่สะท้อนถึงคุณภาพของมหาวิทยาลัยที่เชี่ยวชาญสาขาวิชาอื่นๆได้มากขึ้น โดยในส่วนของสหราชอาณาจักรนั้น สถาบันชั้นนำที่เชี่ยวชาญในด้านสังคมศาสตร์อย่าง LSE ได้รับประโยชน์จากเกณฑ์พิจารณาใหม่นี้ โดยได้เลื่อนอันดับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 35 ในปีนี้ จากอันดับที่ 71 ในปีก่อน
ส่วนมหาวิทยาลัยในเอเชียที่อยู่ใน 30 อันดับแรกของโลกนั้น ได้แก่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) อยู่ในอันดับที่ 12 และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (NTU) อยู่ในอันดับที่ 13 ส่วนมหาวิทยาลัยชิงหวาของจีน อยู่ในอันดับที่ 25 มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง อยู่ในอันดับที่ 28
ส่วนมหาวิทยาลัยของไทยนั้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่ในอันดับที่ 253 ตกจากอันดับ 243 ในปีที่แล้ว ตามมาด้วยมหาวิทยาลัยมหิดลในอันดับที่ 295 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยู่ในอันดับที่ 551-600 และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อยู่ในอันดับที่ 601-650 ซึ่งอยู่ในอันดับคงที่จากปีที่แล้ว
โดยภาพรวมใน 200 อันดับแรกแล้ว สหรัฐฯ มีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับมากที่สุด รวมทั้งหมด 49 สถาบัน ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร 30 สถาบัน เนเธอร์แลนด์ 12 สถาบัน เยอรมนี 11 สถาบัน แคนาดากับออสเตรเลียประเทศละ 8 สถาบัน ขณะที่ในภูมิภาคเอเชีย มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นติดอันดับ 8 สถาบัน จีน 7 สถาบัน และฮ่องกง 5 สถาบัน