อัยการในยูเครนเตรียมตั้งข้อหาผู้อำนวยการโรงบ่มไวน์ในไครเมียฐานเปิดไวน์อายุ 240 ปีให้กับผู้นำรัสเซียกับอดีตผู้นำอิตาลี

นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียกับนายซิลวีโอ แบร์ลุสโกนี อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลีได้เดินทางไปเยือนแคว้นไครเมียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเยี่ยมชมโบราณสถานและอนุสรณ์สถาน นอกจากนั้นนายปูตินกับนายแบร์ลุสโกนียังได้เข้าเยี่ยมโรงบ่มไวน์มาสซานดรา ซึ่งเป็นโรงกลั่นที่มีชื่อแห่งหนึ่งในแคว้นไครเมีย ทั้งเคยเป็นของรัฐบาลยูเครน ก่อนหน้าที่รัสเซียจะผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตนเมื่อปีที่ผ่านมา

สื่อในรัสเซียรายงานว่า ระหว่างการเยี่ยมชมโรงบ่มไวน์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า นายแบร์ลุสโกนีได้ขอลองชิมไวน์ และนางสาวยานินา พาฟเลนโกผู้อำนวยการโรงบ่มไวน์ดังกล่าวจึงได้เปิดจุกไวน์ Jeres de la Frontera ปี 2318 ให้แขกของเธอได้ชิม นอกจากนั้นเมื่อเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โทรทัศน์ในรัสเซียได้ออกอากาศการเยี่ยมชมโรงบ่มไวน์ดังกล่าว พร้อมทั้งรายงานว่าขณะที่นายแบร์ลุสโกนีเดินชมไวน์ในโรงกลั่น เขาไปพบไวน์โบราณปี 2434 เข้า จึงหันไปถามผู้อำนวยการโรงกลั่นว่า “ชิมขวดนี้ได้ไหม?” และผู้อำนวยการโรงบ่มไวน์ตอบว่า “ได้”

อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับไวน์ขวดที่สอง แต่อัยการรัฐในยูเครนระบุว่า ไวน์ขวดที่ทางอัยการจะยื่นฟ้องเป็นไวน์มีมูลค่ากว่า 3.2 ล้านบาท นอกจากนั้นไวน์ขวดดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงเป็นมรดกโบราณของมาสซานดราหรือไครเมีย หากแต่เป็นมรดกของคนยูเครนด้วยและอัยการยูเครนจะเตรียมตั้งข้อหายักยอกของหลวงกับนางสาวพาฟเลนโก

ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานว่าเนื่องจากโรงบ่มไวน์มาสซานดราไม่ได้เป็นของรัฐบาลยูเครนแล้วและแคว้นไครเมียก็อยู่ใต้การปกครองของรัสเซีย ดังนั้นการตั้งข้อหาใด ๆ ก็ตาม ไม่สามารถดำเนินการได้ในแคว้นไครเมีย อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้นางสาวพาฟเลนโกเคยถูกตั้งข้อหากบฏ โดยยูเครนแล้ว เนื่องจากเธอลงเสียงเห็นชอบการผนวกไครเมียเข้ากับรัสเซียเมื่อปี 2557 เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้นายนาซาร์ โคโลดนีทสกี เจ้าหน้าที่อัยการของยูเครนด้านกิจการไครเมียระบุว่าเธอคงจะถูกเพิ่มข้อหาทรยศต่อประเทศเข้าไปอีก



video click

 
Top