0


ญาติพลทหารวิเชียรเผยผลักดันคดีซ้อมทรมานมาสี่ปี รอลุ้นคดีอาญาซึ่งยังไม่ชัดอีกกี่ปี บอกความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความไม่ยุติธรรม ส่วนอัยการนราธิวาสเร่งศึกษาสำนวนยืนยันจะทำให้ดีที่สุดเพราะสังคมให้ความสนใจ

นายธนิต นกหนู อัยการจังหวัดนราธิวาสเปิดเผยกับบีบีซีไทยว่าขณะนี้ทางอัยการได้รับผลการสอบสวนคดีซ้อมทำร้ายร่างกายพลทหารวิเชียร เผือกสมมาแล้ว รวมทั้งผลสอบสวนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐหรือป.ป.ท. โดยอัยการเจ้าของคดีกำลังเร่งศึกษาสำนวนอยู่ นายธนิตกล่าวว่าทางอัยการจะดำเนินการในเรื่องนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนหนึ่งเพราะกรณีนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณะก็จะเป็นโอกาสในอันที่จะทำความจริงให้ชัดเจน พร้อมทั้งยืนยันว่าจะทำให้เร็วที่สุด แต่ไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้มากไปกว่านี้ในเวลานี้

พลทหารวิเชียรเสียชีวิตเมื่อปี 2554 หลังจากที่ได้เข้าเป็นทหารเกณฑ์ ญาติผู้เสียชีวิตร้องว่าถูกครูฝึกร่วมกันประทุษร้ายในระหว่างการฝึกจนเสียชีวิตในระหว่างที่อยู่ที่หน่วยฝึกของค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เจาะไอร้อง นราธิวาส ญาติยังได้ร้องเรียนกับป.ป.ท.ซึ่งได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นตรวจสอบและหลังจากป.ป.ท.พิจารณาผลการตรวจสอบแล้วก็ได้มีหนังสือสรุปชี้มูลความผิดทั้งด้านวินัยและอาญา โดยคณะกรรมการป.ป.ท.ลงนามในหนังสือดังกล่าวเมื่อ 23 มิ.ย. และส่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 4 ดำเนินการในเรื่องของวินัย ส่วนทางด้านอาญานั้นสำนักงานได้ส่งเรื่องไปให้กับอัยการจังหวัดเป็นผู้ดำเนินเรื่องในการฟ้องร้องทหารที่เป็นครูฝึกจำนวน 10 นาย

ก่อนหน้านี้กองทัพบกได้ตกลงจ่ายเงินให้กับทางครอบครัว 6.5 ล้านบาทเมื่อปี 2556 เป็นการยอมความในคดีที่ครอบครัวของพลทหารวิเชียรฟ้องร้องศาลแพ่งเรียกค่าเสียหาย ซึ่งเมื่อรวมกับเงินชดเชยเยียวยาที่ได้รับก่อนหน้านั้นจำนวน 500,000 บาทก็เท่ากับว่าครอบครัวได้รับเงินชดเชยไปประมาณ 7 ล้านบาท แต่ในส่วนของคดีอาญาเป็นหน้าที่ของอัยการจังหวัดที่จะดำเนินการ

นส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ญาติของพลทหารวิเชียร เผือกสมบอกกับบีบีซีไทยว่า เวลานี้ญาติกำลังรอความคืบหน้าของการดำเนินคดีอาญาผู้เกี่ยวข้องที่เป็นทหารและครูฝึกทหารใหม่ 10 คน หลังจากที่เรื่องผ่านไปสี่ปีแล้ว ส่วนคดีในศาลทหารยังไม่เห็นความคืบหน้าแต่ญาติทราบมาว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำสรุปผลการตรวจสอบไปตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.2554 พร้อมกันนั้นนส.นริศราวัลถ์เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้พยายามเดินเรื่องเพื่อแสวงหาความเป็นธรรมให้กับพลทหารวิเชียร สิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้คือ ประการแรกการดำเนินการสอบสวนต่างๆใช้เวลา และขณะนี้เรื่องเพิ่งจะถึงมืออัยการหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้วสี่ปี กว่าจะสั่งฟ้องและกว่าจะดำเนินเรื่องในชั้นศาล อุทธรณ์ ฎีกา ยังไม่ทราบว่าจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีจึงจะสิ้นสุดคดี

“เขามีคำพูดว่า ความยุติธรรมที่ล่าช้า ก็คือความไม่ยุติธรรม”

นอกจากนั้นเธอตั้งข้อสังเกตว่ามีการทำสำนวนคดีสองสำนวนทหารที่เกี่ยวข้องจำนวน 9 นายถูกพักราชการและรอการดำเนินคดี ส่วนนายทหารที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ดูแลกระบวนการฝึกไม่อยู่ในสำนวนคดีดังกล่าวและมีแนวโน้มจะหลุดรอดจากความรับผิดชอบสำคัญ โดนลงโทษก็เพียงเล็กน้อย ที่ผ่านมาครอบครัวรู้ว่า ก่อนหน้านี้กองทัพเองก็พยายามป้องกันสิ่งเหล่านี้เช่นมีคำสั่งห้ามการทำร้ายในระหว่างการฝึกทหาร แต่ปัญหาก็ยังเกิด สิ่งที่ครอบครัวอยากเห็นคือการที่กองทัพนำคนกระทำผิดซึ่งมีเพียงไม่กี่คนมาลงโทษซึ่งจะช่วยให้ภาพของสถาบันดีขึ้นและเรียกศรัทธาจากประชาช

“เราไม่ได้ต้องการจะทำลายกองทัพ หรือคิดจะปฏิรูปหรือลดทอนบทบาทกองทัพ แต่อยากเห็นกองทัพได้รับความศรัทธา เมื่อมีการทำผิดก็จัดการ ต้องช่วยกัน อย่ามองว่าเขาต้องการทำลายชื่อเสียง ถ้ามองแบบนั้นจะไม่มีใครช่วยตรวจสอบ แต่ถ้าเราร่วมมือกัน จัดการที่ไม่ดีออกไปให้เหลือแต่สิ่งดีๆจะเรียกศรัทธาได้ เราก็ยังศรัทธาในกองทัพอยู่ เราผูกพันกับทหาร เคยเรียนรด.มาก่อน สนิทกับรุ่นพี่ครูฝึก”

“เราต้องร่วมมือกันช่วยให้กองทัพได้รับความเชื่อถือศรัทธา และให้กระบวนการยุติธรรมโปร่งใส ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย ที่ผ่านมา กว่าจะร้องเรียนได้ต้องวิ่งไปวิ่งมาหลายแห่งจนครอบครัวถอดใจไปแล้ว ตัวเองก็เกือบถอดใจไปหลายครั้ง แต่พอมาดูอีกทีก็รู้สึกว่าลึกๆยอมรับไม่ได้” พร้อมกันนั้นก็บอกว่า ในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมนั้นมีเสียงเรียกร้องให้หยุดเพราะได้รับเงินชดเชยแล้ว “แต่ถ้าเราหยุดจะไม่มีใครลุกขึ้นมาเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลง”

ญาติของพลทหารวิเชียรระบุว่า พลทหารวิเชียรก่อนไปเป็นทหารเกณฑ์ได้บวชเรียนจนจบปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย และเข้าเรียนต่อจนจบปริญญาโท คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ธรรมศาสตร์

ขอขอบคุณภาพจากครอบครัวพลทหารวิเชียร

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top