จีนมีซูเปอร์คอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในเวลา 6 เดือน
ข้อมูลการจัดอันดับ Top500 ที่ออกมาปีละ 2 ครั้งระบุว่า จีนมีจำนวนซูเปอร์คอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า โดยปัจจุบันมีอยู่ 109 เครื่อง เพิ่มขึ้นถึง 196% จากเมื่อ 6 เดือนก่อนที่มีเพียง 37 เครื่อง
การจัดอันดับครั้งนี้ยังจัดให้ เทียนเหอ 2 ของจีน ครองตำแหน่งซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในโลกติดต่อกันเป็นครั้งที่ 6 ด้วย
ขณะที่สหรัฐฯ กลับมีจำนวนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ลดลง แม้ปัจจุบันสหรัฐฯจะมีซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 200 เครื่อง ซึ่งถือว่ามากที่สุดเมื่อเทียบจำนวนต่อประเทศ แต่ตัวเลขโดยรวมของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯกลับลดลงแตะระดับต่ำสุดนับแต่เริ่มมีการจัดอันดับเมื่อ 22 ปีก่อน
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เทียนเหอ 2 ถูกพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศของจีน ปัจจุบันถูกใช้งานอยู่ที่ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในนครกว่างโจว โดยมีอัตราความเร็วในการประมวลผลที่ 33.86 เพตาฟลอปต่อวินาที เร็วกว่า ไททัน ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วเป็นอันดับสองของโลกซึ่งตั้งอยู่ที่กระทรวงพลังงานสหรัฐฯเกือบสองเท่า
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้จำลองสถานการณ์ที่มีความซับซ้อน และงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น การพยากรณ์อากาศ การวิจัยผลิตยา และการหาลำดับดีเอ็นเอ
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การที่จีนมีซูเปอร์คอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นไม่ได้หมายความว่าสหรัฐฯลงทุนด้านนี้น้อยลง แต่เป็นเพราะการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและธุรกิจของจีนมากกว่า เพราะรัฐบาลและภาคเอกชนของจีนต้องการให้ประเทศเปลี่ยนมาเป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมมากกว่าผู้ผลิตสินค้าที่ออกแบบโดยต่างชาติ นอกจากนี้การที่จีนมีเงินทุนมหาศาลก็มีส่วนให้มีการลงทุนในด้านนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า หากจีนเปิดให้นานาชาติได้ใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่อย่างมหาศาลของตนก็จะช่วยให้จีนมีบทบาทในด้านการศึกษาวิจัยเป็นอย่างมาก
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น