เชียร์หลานเพนกวินหน่อย เบื่อพวกดัดจริตต้านโกง จัดงานอีเวนท์ มหกรรมแสงสีเสียง เชิดชูตัวเองมีศีลธรรม แต่สนับสนุนระบอบอำนาจนิยม
สังเกตไหม พวกคนดีชอบโทษคนรุ่นใหม่ คนรุ่นหลัง ที่ไม่เชื่อฟัง ว่าทำให้ศีลธรรมเสื่อมทราม เพราะมันง่าย เพราะมันทำให้ตัวเองดูดี มันเลวลงไปเป็นรุ่นๆ สู้คนรุ่นเราก็ไม่ได้ ความคิดอย่างนี้ใครก็ชอบนะครับ (อิจฉาเด็กไง) ชอบว่าคนรุ่นหลังแย่กว่ารุ่นเรา ทั้งที่คนรุ่นเราก็ถูกพวกผู้ใหญ่รุ่นที่เป็นผีไปแล้ว หาว่าแย่ลง เลวลง มาก่อน
เผด็จการทุกยุคสมัยจะปลุกศีลธรรมต้านความชั่วร้ายเสื่อมทรามแต่สอนให้ท่องจำอยู่ในโอวาท ทั้งที่จะต้านโกงมันต้องสอนให้คนกล้าต่อสู้ กล้าท้าทายอำนาจ ถ้าอยู่ในโอวาทก็คล้อยตามผู้หลักผู้ใหญ่แล้วโกงไปด้วยกัน ฉะนั้นคนที่เชื่อฟังนั่นแหละตัวดี เข้าสู่ระบบแล้วหายหมด เด็กอย่างเพนกวิน อย่างไนซ์ อย่างประชาธิปไตยใหม่ต่างหาก ที่จะโตไปไม่โกง
ที่จริงคนรุ่นใหม่ในสังคมไทย มีข้อดีกว่าคนรุ่นเก่าตรงความกล้าคิดกล้าแสดงออก เพียงแต่พวกเขาถูกกดโดยวัฒนธรรมการเมืองวัฒนธรรมสังคม อ้างศีลธรรมกดเสรีภาพ ไม่มีสติปัญญาวางระบบสังคมที่ดี ก็โทษคนไม่มีศีลธรรม แล้วพยายามย้ำคิดย้ำทำ สอนศีลธรรมเดิมๆ ทั้งที่มันพิสูจน์แล้วว่าแก้ปัญหาไม่ได้ เสรีภาพต่างหาก สำคัญกว่าศีลธรรม เพราะเสรีภาพทำให้เกิดศีลธรรมที่หลากหลายไม่ตายด้าน
00000
"มีใครจะถามอะไรไหม" มีครับ แต่ยังไม่ทันถาม แค่ลุกขึ้นชูป้าย "เพนกวิน" ก็ถูกรวบทันควัน
เหตุการณ์ นี้เป็นอุทาหรณ์ว่าทีหน้าทีหลังเมื่อท่านนายกฯ ท่านผู้นำ คสช.เรียกให้ถาม เปล่า-ท่านไม่ได้ห้ามถาม แต่ห้ามชูป้าย เพราะป้ายจะกระตุกต่อมอะดรีนาลิน รปภ.ให้รวบตัวทันใด โดยยังไม่ทันดูว่าเขียนอะไร เผลอๆ ต่อให้เขียนว่า "น้ำเป็นของปลา ฟ้าเป็นของนก นายกฯ เป็นของท่านประยุทธ์" ก็อาจต้องไป สน.ก่อน
ปรากฏว่าป้ายของเพนกวิน นักเรียน ม.5 เลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ไม่ได้ต่อต้าน คสช.เลย แค่ เขียนว่า "สอนเด็กไทยไม่ให้โกง ใช้เหตุผลสร้างจริยธรรม ดีกว่าท่องจำหน้าที่พลเมือง" ซึ่งเป็นข้อเสนอจากใจนักเรียนถึง "ลุงตู่"
เขียนอย่างนี้ก็ ไม่รู้จะนับเป็น "พวกเรา" หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เป็นคำถามท้าทาย "นักอุดมคติต้านโกง" ทั้งภาครัฐภาคเอกชนที่ไปรวมตัวกันในมหกรรมเดินพาเหรดครบ 5 ปีก่อตั้งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีทอล์กโชว์วิสัยทัศน์แสงสีเสียงอลังการ
นักอุดมคติต้านโกง ซึ่งบทบาทเบ่งบานหลังรัฐประหาร เน้นรณรงค์ศีลธรรมประสานหลักสูตรหน้าที่พลเมืองและท่องค่านิยม 12 ประการ เพราะเชื่อฝังหัวว่าเสรีภาพประชาธิปไตยทำให้ศีลธรรมเสื่อมทราม โดยเฉพาะคนรุ่นหลัง จึงพยายามคิดคำขวัญ สอนเด็กให้เก่งอย่างเดียวไม่ได้ต้องเป็นคนดีด้วย
แน่ใจนะว่าทุกวันนี้สอนเด็กให้เก่งแล้ว จึงเอาเวลาไปสอนรำไทย
การโทษคนรุ่นใหม่ การบังคับเด็ก นอกจากจะง่ายแล้วยังทำให้คนรุ่นเก่าดูดีขึ้นเยอะ ผมก็ชอบนะครับ เวลาใครบ่นว่าคนรุ่นหลังศีลธรรมเสื่อมทราม นิยมวัตถุ ฟุ้งเฟ้อฉาบฉวย มันเลวกันลงไปเป็นรุ่นๆ สู้คนรุ่น 60 อย่างเราไม่ได้ ฯลฯ ถ้าไม่ฉุกคิดว่า เอ๊ะ สมัยเราเด็กๆ พวกผู้ใหญ่ที่เป็นผีไปแล้วก็ว่าเราอย่างนี้เหมือนกัน
ถ้ามีบางอย่างที่คนรุ่นหลังเสียเปรียบคนรุ่นผมรุ่นท่าน นายกฯ ก็คือปัญหาของระบบการศึกษาซึ่งรุ่นผมรุ่นท่าน นายกฯ ยังสอนให้ "รู้รอบ" กว่า ขณะที่คนรุ่นถัดๆ มา ระบบการศึกษาเน้นผลิตบัณฑิตเฉพาะทางรับใช้ความเติบโตทางเศรษฐกิจ
กระนั้นคนรุ่นใหม่ก็กล้าคิดกล้าแสดงออกมากกว่าคนรุ่นผม โดยเฉพาะคนรุ่น 10-20 ปีหลังที่แม้ยังอยู่ในระบบการศึกษาล้าหลังก็เรียนรู้กว้างผ่านโลกออนไลน์
ฉะนั้นการปฏิรูปการศึกษาที่ใช่และง่ายที่สุดคือลดเวลาเรียน ถูกต้องแล้วครับ แค่ใช้เวลาสอนให้เด็กมีพื้นฐานในการศึกษาหาความรู้เอง เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ที่เหลือนั้นมีความรู้มากมายมหาศาลอยู่ในโลกไซเบอร์ สำคัญว่ากล้าให้เสรีภาพในการศึกษาคิดค้นหรือเปล่า
ลดเวลาเรียนต้องควบคู่ไปกับการลดอำนาจครู ลดอำนาจโรงเรียน ลดอำนาจกระทรวงศึกษาฯ เปิดเสรีภาพทางวิชาการ เปลี่ยนครูเป็นแบบอย่างเป็นที่รักเคารพหรือเป็นเพื่อน ผู้แนะนำให้เด็กมีพัฒนาการของเขาเอง
แต่สังคมไทยกล้าทำอย่าง นั้นจริงหรือเปล่า ระบบโรงเรียนของเรายังเหมือน 40 กว่าปีที่แล้วสมัยผมเป็นเด็ก แต่คุณภาพครูแย่กว่า หลายปีที่ผ่านมายังบ้าตรวจเสื้อผ้าหน้าผมอำนาจนิยมศีลธรรมนิยมยิ่งกว่ายุคผม ด้วยซ้ำ
นักอุดมคติต้านโกงที่นิยมจัดงานอีเวนต์ (ซักเดี๋ยวคงมีพริตตี้ต้านโกง) เป็นเดือดเป็นแค้นกับผลโพลที่ว่าโกงไม่เป็นไรขอให้เราได้ประโยชน์ ทั้งที่ความจริงนั่นคือพัฒนาการจิตสำนึกของคนไทยต่อคอร์รัปชั่น เพราะแปลว่าคนไทยรู้ซึ้ง ไม่ว่าใครมีอำนาจมันก็โกงทั้งนั้น ไม่ว่านักการเมือง ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ฯลฯ อย่ามาดัดจริตเป็นคนดีหลอกกันเลย ฉะนั้นใครที่โกงแล้วดำเนินนโยบายให้พวกเขาได้ประโยชน์ ก็ยังถือว่า "ดีกว่า"
พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็ว่าเชียร์คนโกง แต่ถามจริง ศีลธรรมจรรยาท่องกันมาแต่ยุคไหน การปิดประเทศท่องอาขยานกันยกใหญ่สามารถช่วยอะไร การ "ต้านโกง" จะประสบความสำเร็จได้ด้วยการปลุกให้คนกล้า ให้คนปกป้องผลประโยชน์ของตน อย่างที่คุณบรรยง พงษ์พานิช เคยเขียนไว้ "สู้โกง ด้วยพลังความเห็นแก่ตัว"
การสอนเด็กให้มีวินัยใฝ่คุณธรรมเข้าแถวท่องจำแบบทหาร ไม่มีวันต้านโกงได้ มีแต่สอนให้กล้าคิด ยกย่องชื่นชมเด็กที่กล้าต่อสู้กล้าซักถาม อย่าง "เพนกวิน" กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท หรือกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ นั่นต่างหากคือพลังที่จะต้านโกง
สิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย ระบอบที่ตรวจสอบได้ คือเครื่องมือ "ต้านโกง" ไม่ใช่ระบอบอำนาจนิยมที่ เพียงแต่ชูผู้นำเป็นคนดี
เหตุการณ์ นี้เป็นอุทาหรณ์ว่าทีหน้าทีหลังเมื่อท่านนายกฯ ท่านผู้นำ คสช.เรียกให้ถาม เปล่า-ท่านไม่ได้ห้ามถาม แต่ห้ามชูป้าย เพราะป้ายจะกระตุกต่อมอะดรีนาลิน รปภ.ให้รวบตัวทันใด โดยยังไม่ทันดูว่าเขียนอะไร เผลอๆ ต่อให้เขียนว่า "น้ำเป็นของปลา ฟ้าเป็นของนก นายกฯ เป็นของท่านประยุทธ์" ก็อาจต้องไป สน.ก่อน
ปรากฏว่าป้ายของเพนกวิน นักเรียน ม.5 เลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ไม่ได้ต่อต้าน คสช.เลย แค่ เขียนว่า "สอนเด็กไทยไม่ให้โกง ใช้เหตุผลสร้างจริยธรรม ดีกว่าท่องจำหน้าที่พลเมือง" ซึ่งเป็นข้อเสนอจากใจนักเรียนถึง "ลุงตู่"
เขียนอย่างนี้ก็ ไม่รู้จะนับเป็น "พวกเรา" หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เป็นคำถามท้าทาย "นักอุดมคติต้านโกง" ทั้งภาครัฐภาคเอกชนที่ไปรวมตัวกันในมหกรรมเดินพาเหรดครบ 5 ปีก่อตั้งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีทอล์กโชว์วิสัยทัศน์แสงสีเสียงอลังการ
นักอุดมคติต้านโกง ซึ่งบทบาทเบ่งบานหลังรัฐประหาร เน้นรณรงค์ศีลธรรมประสานหลักสูตรหน้าที่พลเมืองและท่องค่านิยม 12 ประการ เพราะเชื่อฝังหัวว่าเสรีภาพประชาธิปไตยทำให้ศีลธรรมเสื่อมทราม โดยเฉพาะคนรุ่นหลัง จึงพยายามคิดคำขวัญ สอนเด็กให้เก่งอย่างเดียวไม่ได้ต้องเป็นคนดีด้วย
แน่ใจนะว่าทุกวันนี้สอนเด็กให้เก่งแล้ว จึงเอาเวลาไปสอนรำไทย
การโทษคนรุ่นใหม่ การบังคับเด็ก นอกจากจะง่ายแล้วยังทำให้คนรุ่นเก่าดูดีขึ้นเยอะ ผมก็ชอบนะครับ เวลาใครบ่นว่าคนรุ่นหลังศีลธรรมเสื่อมทราม นิยมวัตถุ ฟุ้งเฟ้อฉาบฉวย มันเลวกันลงไปเป็นรุ่นๆ สู้คนรุ่น 60 อย่างเราไม่ได้ ฯลฯ ถ้าไม่ฉุกคิดว่า เอ๊ะ สมัยเราเด็กๆ พวกผู้ใหญ่ที่เป็นผีไปแล้วก็ว่าเราอย่างนี้เหมือนกัน
ถ้ามีบางอย่างที่คนรุ่นหลังเสียเปรียบคนรุ่นผมรุ่นท่าน นายกฯ ก็คือปัญหาของระบบการศึกษาซึ่งรุ่นผมรุ่นท่าน นายกฯ ยังสอนให้ "รู้รอบ" กว่า ขณะที่คนรุ่นถัดๆ มา ระบบการศึกษาเน้นผลิตบัณฑิตเฉพาะทางรับใช้ความเติบโตทางเศรษฐกิจ
กระนั้นคนรุ่นใหม่ก็กล้าคิดกล้าแสดงออกมากกว่าคนรุ่นผม โดยเฉพาะคนรุ่น 10-20 ปีหลังที่แม้ยังอยู่ในระบบการศึกษาล้าหลังก็เรียนรู้กว้างผ่านโลกออนไลน์
ฉะนั้นการปฏิรูปการศึกษาที่ใช่และง่ายที่สุดคือลดเวลาเรียน ถูกต้องแล้วครับ แค่ใช้เวลาสอนให้เด็กมีพื้นฐานในการศึกษาหาความรู้เอง เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ที่เหลือนั้นมีความรู้มากมายมหาศาลอยู่ในโลกไซเบอร์ สำคัญว่ากล้าให้เสรีภาพในการศึกษาคิดค้นหรือเปล่า
ลดเวลาเรียนต้องควบคู่ไปกับการลดอำนาจครู ลดอำนาจโรงเรียน ลดอำนาจกระทรวงศึกษาฯ เปิดเสรีภาพทางวิชาการ เปลี่ยนครูเป็นแบบอย่างเป็นที่รักเคารพหรือเป็นเพื่อน ผู้แนะนำให้เด็กมีพัฒนาการของเขาเอง
แต่สังคมไทยกล้าทำอย่าง นั้นจริงหรือเปล่า ระบบโรงเรียนของเรายังเหมือน 40 กว่าปีที่แล้วสมัยผมเป็นเด็ก แต่คุณภาพครูแย่กว่า หลายปีที่ผ่านมายังบ้าตรวจเสื้อผ้าหน้าผมอำนาจนิยมศีลธรรมนิยมยิ่งกว่ายุคผม ด้วยซ้ำ
นักอุดมคติต้านโกงที่นิยมจัดงานอีเวนต์ (ซักเดี๋ยวคงมีพริตตี้ต้านโกง) เป็นเดือดเป็นแค้นกับผลโพลที่ว่าโกงไม่เป็นไรขอให้เราได้ประโยชน์ ทั้งที่ความจริงนั่นคือพัฒนาการจิตสำนึกของคนไทยต่อคอร์รัปชั่น เพราะแปลว่าคนไทยรู้ซึ้ง ไม่ว่าใครมีอำนาจมันก็โกงทั้งนั้น ไม่ว่านักการเมือง ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ฯลฯ อย่ามาดัดจริตเป็นคนดีหลอกกันเลย ฉะนั้นใครที่โกงแล้วดำเนินนโยบายให้พวกเขาได้ประโยชน์ ก็ยังถือว่า "ดีกว่า"
พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็ว่าเชียร์คนโกง แต่ถามจริง ศีลธรรมจรรยาท่องกันมาแต่ยุคไหน การปิดประเทศท่องอาขยานกันยกใหญ่สามารถช่วยอะไร การ "ต้านโกง" จะประสบความสำเร็จได้ด้วยการปลุกให้คนกล้า ให้คนปกป้องผลประโยชน์ของตน อย่างที่คุณบรรยง พงษ์พานิช เคยเขียนไว้ "สู้โกง ด้วยพลังความเห็นแก่ตัว"
การสอนเด็กให้มีวินัยใฝ่คุณธรรมเข้าแถวท่องจำแบบทหาร ไม่มีวันต้านโกงได้ มีแต่สอนให้กล้าคิด ยกย่องชื่นชมเด็กที่กล้าต่อสู้กล้าซักถาม อย่าง "เพนกวิน" กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท หรือกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ นั่นต่างหากคือพลังที่จะต้านโกง
สิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย ระบอบที่ตรวจสอบได้ คือเครื่องมือ "ต้านโกง" ไม่ใช่ระบอบอำนาจนิยมที่ เพียงแต่ชูผู้นำเป็นคนดี
source :- FB Atukkit Sawangsuk & http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1441981052