ตำรวจเปลี่ยนแผนไม่ส่งทีมสอบสวนไปมาเลเซียแล้ว ผบ.ตร.ระบุข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าผู้ต้องสงสัยหนีออกนอกมาเลเซียเรียบร้อย ขณะที่การประสานงานกับตุรกียังยืนที่เดิม ตุรกียืนยัน “อิชาน” ไม่ได้เข้าประเทศ
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันนี้ว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ระงับแผนที่จะส่งทีมงานสอบสวนไปมาเลเซียเพื่อให้ไปติดตามกรณีที่ทางการมาเลเซียจับกุมผู้ต้องสงสัยได้สามคน ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดราชประสงค์
“เราต้องเตรียมความพร้อมก่อนว่าไปแล้วจะได้อะไร เพราะขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าผู้ต้องสงสัยที่มาเลเซียคุมตัวนั้นเกี่ยวพันหรือไม่กับเรื่องราชประสงค์” พล.ต.อ.สมยศกล่าว พร้อมกับบอกว่า “เป้าหมายหรือบุคคลที่คิดว่าเกี่ยวข้องที่เราเชื่อว่าได้หลบหนีไปมาเลเซียนั้นก็ได้เคลื่อนย้ายแล้ว ข้อมูลจากการสืบสวนระบุว่าไม่ได้อยู่ในมาเลเซียแล้ว ถ้าเรื่องจะไปยังไม่เกิดผลก็คงยังไม่จำเป็น” ส่วนเรื่องที่ว่าคนเหล่านั้นอาจเกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล หรือเข้าร่วมในขบวนการค้ามนุษย์นั้น พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ในเมื่อเป็นการกระทำในช่วงที่อยู่ในมาเลเซียที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ความผิดนั้นไม่ได้เกิดในประเทศไทยก็ไม่จำเป็นจะต้องส่งทีมงานไป
นอกจากนั้นพล.ต.อ.สมยศระบุว่า การประสานงานกับสถานทูตตุรกีพบว่า เจ้าหน้าที่ตุรกียืนยันผู้ต้องสงสัยที่เรียกกันว่า “อิชาน” นั้นไม่ได้เข้าตุรกีก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับข้อมูลดังกล่าว ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าทางการตุรกีต้องการนำหนังสือเดินทางปลอมที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอยู่ไปตรวจสอบนั้นเป็นเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่ไทยไม่สามารถมอบให้ได้ เพราะเป็นเอกสารพยานที่จะต้องใช้ในสำนวนคดี หากให้ไปสำนวนคดีจะไม่ครบถ้วน ผบ.ตร.ยืนยันว่า เรื่องของการตรวจสอบว่าหนังสือเดินทางเหล่านั้นเป็นของปลอมหรือไม่เจ้าหน้าที่ไทยก็สามารถทำได้
ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้มอบหมายให้พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นผู้ประสานงานกับประเทศที่เกี่ยวข้องในเรื่องที่จะต้องทำงานร่วมกันและทราบว่ามีการพบปะหารือเรื่อยมา
ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดารองผบ.ตร.เพิ่งให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีว่า จะมีการจัดส่งทีมงานสอบสวนไปมาเลเซีย
อย่างไรก็ตาม ทั้งพล.ต.อ.สมยศและพล.ต.อ.จักรทิพย์ต่างกล่าวถึงปัญหาเดียวกันประการหนึ่งคือเรื่องการนำเสนอข่าวของสื่อในประเด็นเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่และมีการเปิดเผยข้อมูลผู้ต้องสงสัยจนกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความยากลำบากมากขึ้น