กิจกรรมรำลึกรัฐประหาร 19 กันยายน 2549: วงวิชาการถกบทเรียนทหาร สรุปใช้วิธีการทั้งทางกฎหมายและกำลังในการปิดกั้นการแสดงความเห็น เชื่อการเลือกตั้งยังเป็นวิธีแก้ปัญหาอย่างสันติที่สุด
หลังจากมีเหตุขลุกขลักก่อนการเสวนา 9 ปีที่ก้าวไม่พ้น โดยกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ก็ได้ดำเนินการเสวนา เพราะต้องมีการต่อรองกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งในที่สุดก็ยินยอมให้มีการเสวนา แต่ไม่ให้ผู้เข้าร่วมการเสวนาออกจากห้องประชุมเคลื่อนย้ายไปยังที่อื่น
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก. ลายจุด กล่าวถึงบทเรียนการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ว่าท่ีผ่านมาทหารใช้ทั้งกำลังและกฎหมายในการกดการแสดงความเห็น "ผมยอมรับว่าผมอยู่ภายใต้อำนาจ คสช." บ.ก.ลายจุดกล่าวและแสดงความเห็นว่า นักศึกษาที่เคลื่อนไหวช่วงหลังไม่ยอมรับการมีอยู่ของอำนาจนั้น คนที่จะทำแบบนี้ต้อง "อินโนเซนส์" มากๆ เพราะการคิดเยอะคือเพดานจำกัดการแสดงออก และเขาก็ไม่แน่ใจว่านักศึกษากลุ่มนี้คิดดีแล้วหรือยัง เพราะจริงๆแล้วรัฐไม่น่าจะอยากได้ใครไปไว้ในคุก อยากให้ประชาชนอยู่นิ่งๆ ไม่แสดงออก คสช.ไม่ได้ประโยชน์ใดๆจากการเอาคนเข้าไปไว้ในคุก
นายสมบัติกล่าวว่าการแก้ปัญหาโดยเชื่อว่าต้องแก้ที่ทหารนั้นไม่ถูกต้อง สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนความคิดของประชาชนที่ยอมเป็นนั่งร้านให้ทหาร และเขาเห็นว่าความขัดแย้งที่เป็นอยู่ขณะนี้เป็นความขัดแย้งเรื่อง "เลือกใคร" ไม่ใช่ "เลือกอะไร" เป็นความขัดแย้งที่มุ่งไปที่ตัวบุคคลมากกว่าที่จะเป็นความขัดแย้งทางความคิด
ขณะที่พวงทอง ภวัครพันธุ์ นักวิชาการจากคณะรัฐศาสตร์กล่าวว่า วิธีแก้ปัญหาความขัดแย้งนั้นถึงอย่างไรก็ต้องกลับไปที่การเลือกตั้ง ซึ่งไม่ใช่เพียงการตัดสินใจเพียงไม่กี่วินาที เพราะกระบวนการตัดสินใจลงคะแนนของประชาชนนั้นซับซ้อนกว่านั้น แต่การเลือกตั้งเป็นวิธีการที่ประนีประนอม จัดการความขัดแย้งอย่างสันติ อาจจะมีบางกลุ่มได้มากกว่า บางกลุ่มได้น้อยกว่า แต่ลดความขัดแย้งและทำให้สังคมเดินหน้าได้
ส่วนคนท่ีเชื่อว่าทหารจะเข้ามาแก้ปัญหาได้นั้นเป็นเพราะความจริงเกี่ยวกับความรุนแรงในการเมืองไทยไม่ได้ถูกศึกษาและนำมาเปิดเผยทั้งจากเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 หรือเหตุการณ์เดือนเมษายน 2553 ซึ่งผู้ใช้ความรุนแรงไม่เคยต้องรับผิดชอบ ไม่มีการศึกษาที่ทำให้คนตระหนักและเห็นปัญหา คนไทยถูกทำให้ไม่สนใจการเมืองเห็นการเมืองเป็นเรื่องสกปรกและได้ยินแต่ปัญหานักการเมืองจึงคิดว่านักการเมืองเป็นเพียงปัญหาเดียวของสังคม ทั้งๆ ที่หน่วยงานอื่นก็มีปัญหา
การเสวนาในวันนี้มีผู้สนใจเข้าฟังค่อนข้างหนาตา และล้นออกจากห้องเสวนาออกไปข้างนอก โดยมีประชาชนบางส่วนปักหลักรออยู่ด้านหน้าตึกคณะสังคมวิทยาและมานุษวิทยา โดยคาดว่าหลังจากนี้จะมีกิจกรรมต่อเนื่องที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแม้ก่อนหน้านี้จะถูกห้ามก็ตาม นายปกรณ์ อารีกุล สมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ระบุว่าอาจจะเปลี่ยนกิจกรรมเป็นการฟ้อนรำไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแทน ในเวลาประมาณ 16.00 น.
สำหรับบรรยากาศด้านประตูทางออกคณะสังคมวิทยามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยควบคุมฝูงชนจำนวนหลายสิบนาย และเจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมฝูงชนหญิง 40 นายตรึงกำลังรักษาความปลอดภัย และตรวจกระเป๋าประชาชนที่เดินออกจากมหาวิทยาลัย