0

Jom Petchpradab
"รับผิดชอบ-ให้่เกียรติ-เคารพ"ประชาชน - สูงสุดของวิชาชีพสื่อสารมวลชน
เรื่องราวของ คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และเจ้าของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด หลังศาลอาญาตัดสินพิพากษาจำคุก 13 ปี 4 เดือน ด้วยข้อหาทุจริตค่าโฆษณาของบริษัท อสมท. จำกัด ฉายภาพสังคมไทยที่แตกแยกอย่างไม่มีชิ้นดี ให้เห็นความป่นปี้ของความแตกแยกชัดเจนมากขึ้นไปอีก
เพราะมีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนให้คุณสรยุทธ ทำหน้าที่พิธีกร ในช่อง 3 ต่อไป กับอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรจะพักหน้าจอรอจนกว่าจะสู้คดีจนเคลียร์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมจนสิ้นมลทินแล้วค่อยหวนคืนหน้าจออีกครั้ง
สุ้มเสียงฝ่ายสนับสนุน ที่แสดงผ่านโลกโซเชี่ยลมีเดีย ส่วนใหญ่จะเห็นไปทำนองว่า ความดีที่คุณสรยุทธสร้างไว้ในการช่วยเหลือ สงเคราะห์ผู้คน ในยามที่ประชาชนเดือดร้อนประสบภัยพิบัติก็มีมากมาย ทำไมถึงไม่ลดหย่อนผ่อนโทษลงไปบ้าง สื่อมวลชนบางคน บางสำนัก ศาลตัดสินไปแล้วว่าฉ้อโกง หรือมีความผิดตามกฎหมายด้วยเหมือนกัน ไม่เห็น สมาคมสื่อ หรือสื่อด้วยกันเอง ออกกดดันให้หยุดปฎิบัติหน้าที่บ้าง มีการนำกรณีของคุณสรยทธ ไปเปรียบเทียบกับคดีฉ้อโกงของบุคคลสาธารณะคนสำคัญอื่น ๆ อีกหลายที่ยังลอยหน้า ลอยตาอยู่ได้ในสังคม
รวมทั้งยังเห็นว่า กระบวนการยุติธรรมไทย พิพากษาอรรถคดีทั้งหลายที่ผ่านมาก็ล้วนเต็มไปด้วยความไร้มาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ เหตุไฉน ถึงจะให้คุณสรยุทธ ยอมจำนนกับกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว และยังเหมารวมพาดพิงไปยัง สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ และสมาคมวิทยุโทรทัศน์ฯ ด้วยว่า เป็นเพราะแรงริษยาหรือเปล่า เพราะแม้แต่สมาคมวิชาชีพสื่อเองก็สยบยอมอยู่ใต้ท้อปบู๊ตทหารคสช.มาโดยตลอด หมดความศรัทธาเชื่อถือไปแล้วเหมือนกัน
ส่วนฝ่ายที่เห็นว่า ช่อง 3 ควรจะให้ คุณสรยุทธ หยุดปฎิบัติหน้าที่ พักหน้าจอไปก่อน และคุณสรยุทธเองก็ควรจะแสดงสปิริต รับผิดชอบต่อจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อสารมวลชน ควรประกาศหยุดปฎิบัติหน้าที่เองโดยไม่ต้องรอให้สังคมกดดัน ซึ่งฝ่ายหลังนี้ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในเครือข่ายชนชั้นกลาง พวกสลิ่ม รวมถึงสมาคมวิชาชีพสื่อทั้งหลายเองด้วย
ส่วนตัวผมเองเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายก็มีเหตุผลที่นำมาอ้างอิงสนับสนุนความคิดความเชื่อของตัวเอง แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือ ห่วงคุณสรยุทธ เองมากกว่า... แน่นอน คุณสรยุทธ ต้องต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
แต่การยืนยันปฎิบัติหน้าที่สื่อมวลชนต่อไป คุณสรยุทธ จะต่อสู้กับมลทินในตัวเองอย่างไร แม้จะเป็นเพียงข้อกล่าวหาแต่ก็คือมลทินในความรู้สึกของประชาชน คุณสรยุทธ จะทำหน้าที่สืบสวน สอบสวน หรือรายงานข่าวเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นได้อย่างมั่นใจ จริงจัง และสร้างความเชื่อถือศรัทธาให้กับประชาชนได้อย่างไร
คุณสรยุทธ จะเจาะลึก การทุจริตเกี่ยวกับอุทยานราชภักดิ์อย่างไร
คุณสรยุทธ จะตั้งคำถามอย่างไร เกี่ยวกับการทุริตโครงการรับจำนำข้าว
คุณสรยุทธ จะรายงานการทุจริตการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในกองทัพอย่างไร
คุณสรยุทธ จะไล่บี้บริษัทเอกชนที่ทุจริตงบประมาณของรัฐบาลอย่างไร
คุณสรยุทธ จะมองหน้าแขกรับเชิญในรายการที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอรัปชั่นอย่างไร
ฯลฯ
เหล่านี้ต่างหากที่ผมหนักใจแทนคุณสรยุทธ แต่อีกนั่นแหละ คุณสรยุทธ ผ่านประสบการณ์การอยู่หน้าจอโทรทัศน์มาหลายสิบปี ความเป็นมืออาชีพ ย่อมมีอยู่เหลือเฟือที่จะซ่อนเร้น ปิดบัง อำพราง หรือแยกส่วนความรู้สึกได้อย่างแนบเนียน ไม่ให้ความเป็น"ตัวตน"ที่แท้จริงของคุณสรยุทธออกมาให้ผู้ชมได้เห็น แต่อย่าลืมว่าความเป็น"มืออาชีพ"ก็ใช้ไม่ได้ผลในทางที่ผิดทำนองคลองธรรม
อย่างที่เคยได้กล่าวไปแล้วหลายครั้งว่า อาชีพสื่อมวลชน อยู่ได้ด้วยความเชื่อถือ ศรัทธาและความเลื่อมใส ไม่ได้อยู่ได้เพราะอิทธิพล อำนาจเงิน ชื่อเสียง หรือหน้าตา แม้ว่าบางคนอาจจะเถียงว่า สังคมไทยในยุคที่สื่อกระแสหลักยังทรงพลัง ก็อาจถูกครอบงำได้ด้วยสิ่งเหล่านี้ แต่ถึงอย่างไร ผมก็ยังเชื่อว่า ถึงวันหนึ่งคนไทยก็จะเกิดปรากฎการณ์"ตาสว่าง"ขึ้นมา เหมือนที่เกิดขึ้นกับหลาย ๆ องค์กร หลาย ๆ สถาบันอยู่แล้วในขณะนี้
การต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดเพื่อเคลียร์ตัวเอง เป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาที่จะต้องต่อสู้อยู่แล้ว กรณีของคุณสรยุทธ หากหยุดปฎิบัติหน้าที่ไป อาจจะนำมาซึ่งความเสียหายทางธุรกิจทั้งธุรกิจของตัวเอง และธุรกิจของช่อง 3
แต่สำหรับผมยังเชื่อมั่นตลอดเวลาว่า เกียรติยศศักดิ์ศรี และคุณค่าความเป็นสื่อสารมวลชนอยู่ที่ความรับผิดชอบต่อประชาชน "การเคารพ"และ"ให้เกียรติ" ต่อคนดู นี่คือหัวใจสำคัญสูงสุดของสื่อสารมวลชนอย่างพวกเรา


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top