FTA Watch ขอช่วยกันจับตาประชุมพิจารณาเข้ าร่วม TPP 6 มิ.ย. นี้
Posted: 05 Jun 2016 02:49 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรี ภาคประชาชน (FTA Watch) ขอช่วยกันจับตาข้อมูลสำคัญที่ อาจไม่มีอยู่ในการประชุ มคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่ างประเทศ (กนศ.) ในการพิจารณาเข้าร่วมความตกลงหุ ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิ กหรือ TPP ในวันที่ 6 มิ.ย. 2559 นี้
5 มิ.ย. 2559 กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรี ภาคประชาชน (FTA Watch) เปิดเผยว่าในการประชุ มคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่ างประเทศ (กนศ.) ที่จะพิจารณาการเข้าร่ วมความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิ จภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ในวันที่ 6 มิ.ย. 2559 นี้ อาจจะมีสิ่งที่ขาดหายไปดังนี้
1. จะมีการอ้างอิงตัวเลขงานวิจัยที ่กระทรวงพาณิชย์จัดจ้างสถาบั นการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (ในเครือเจริญโภคภัณฑ์) ร่วมกับสถาบันระหว่างประเทศเพื่ อการค้าและพัฒนาที่ว่า ไทยควรจะเข้าร่วมความตกลง TPP เพราะจะทำให้ GDP เพิ่มขึ้น 0.77 - 0.93% ถ้าไม่เข้าร่วมจะทำให้ GDP ลดลง 0.9% และอ้างว่า อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบคือ อุตสาหกรรมรถยนต์โดยจะสูญเสี ยการแข่งขันให้แก่เวี ยดนามและมาเลเซีย แต่จะไม่มีการรายงานว่า จนป่านนี้งานวิจัยนี้ยังไม่ สามารถส่งมอบได้ และไม่สามารถเปิดให้แวดวงวิ ชาการร่วมตรวจสอบความถูกต้ องของงานได้เลย
2. จะมีการอ้างอิงตั วเลขของธนาคารโลกที่ว่ าประเทศไทยจะได้ประโยชน์ จากการเข้า TPP แต่จะไม่มีการชี้ข้อจำกั ดของงานศึกษาเหล่านั้น
3. จะมีการยกเหตุผลสารพัดว่ าประเทศไทยจะเสียโอกาสหากไม่เข้ าร่วม TPP แต่จะไม่ลงรายละเอียดว่า ประเทศไทยจะเสียอะไรหากเข้าร่ วมความตกลงนี้
4. กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นเจ้าของวาระนี้ จะเสนอว่า การที่ไทยประกาศเข้าร่วม TPP จะเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้ นและสร้างความเชื่อมั่นทำให้เกิ ดผลในเชิงจิตวิทยา ทำให้นักลงทุนต่างชาติและผู้ ประกอบไทยรับทราบทิ ศทางนโยบายของประเทศที่ชัดเจน แต่จะไม่มีการนำเสนอว่า การกระตุ้นและสร้างความเชื่อมั่ นดังกล่าวต้องแลกกับอะไรบ้าง
5. จะไม่มีการนำข้อห่วงกั งวลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้สรุปประเด็นผลกระทบจาก TPP ต่อการสาธารณสุขและระบบสุขภาพ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ทั้งนี้ ตามข้อมูล ณ วันที่ 19 เม.ย.59 ระบุว่า
บทที่ 18 ทรัพย์สินทางปัญญา
- ด้านยา วัคซีน และชีววัตถุ หากประเทศไทยเข้า TPP ซึ่งจำต้องยอมรับการผู ดขาดตลาดยาเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 1-10 ปี ซึ่ง รัฐจะต้องจัดสรรงบประมาณเพิ่ มเติมจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ 2,835 – 288,266 ล้านบาทต่อปี ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่ อระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ของไทยที่ดูแลประชากรถึง 48 ล้านคนและระบบสาธารณสุ ขของประเทศ
- ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่ นแลการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุขชี้ว่า ประเทศสมาชิก TPP จะเข้าถึงข้อมูลการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้ านและสมุนไพรที่เกี่ยวข้ องในกระบวนการการขอจดสิทธิบั ตรของสิ่งประดิษฐ์, ประเทศไทยจะสูญเสียความเป็นเจ้ าของสมุนไพรในระยะยาวในกรณีที่ ถูกต่างชาติผูกขาดไปใช้ประโยชน์ และยังมีข้อน่าห่วงกังวลเรื่ องการขยายการจดสิทธิบัตรสิ่งมี ชีวิตไปยังพืช และการใช้ใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่มี อยู่แล้ว
บทที่ 8 อุปสรรคด้านเทคนิคต่อการค้า
- กระทรวงสาธารณสุขกังวลว่า การกำกับนโยบายดังกล่าว จะทำให้กระทรวงสาธารณสุขซึ่งมี บทบาทหน้าที่สำคัญในการคุ้ มครองชีวิตและสุ ขภาพของประชาชนไทยมีพื้นที่ ในการออกกฎเกณฑ์ กฎระเบียบ และนโยบายเพื่อควบคุมกำกับสั งคมเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น เนื่องจากการคุ้มครองผู้บริโภค การบริโภค และสังคมโดยส่วนรวมไม่สามารถหลี กเลี่ยงผลกระทบต่ อการประกอบการของภาคเอกชนได้
บทที่ 9 การลงทุน
- บทว่าด้วยการลงทุนใน TPP ปกป้องนักลงทุนต่างชาติ ในมาตรฐานที่สูงกว่านักลงทุ นในประเทศ ไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ที่แท้ จริงต่อประเทศไทยจากนักลงทุนต่ างชาติ และเมื่อเชื่อมโยงกับบทที่ 8 แล้ว กฎหมายและกฎระเบี ยบและนโยบายสาธารณสุขซึ่งเป็ นไปเพื่อปกป้องชีวิต และสุขภาพ และสังคมโดยส่วนรวมแต่มี ผลกระทบต่อการลงทุนและทรัพย์สิ นของนักลงทุนจะมีโอกาสสู งมากในการถูกฟ้องร้อง (ผ่านกลไกระงับข้อพิพาทระหว่ างรัฐและเอกชนผ่านอนุญาโตตุ ลาการระหว่างประเทศ) ทำให้เกิดความชะงักงั นของนโยบายและการถูกเรียกค่ าชดเชยความเสียหาย
บทที่ 15 การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ
- ขีดความสามารถในการแข่งขั นขององค์การเภสัชกรรมและผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายไทย ซึ่งจะไม่ได้แต้มต่อใดๆ เหนือผู้ผลิต/ผู้จำหน่ ายประเทศสมาชิก และอาจไม่สามารถสู้ราคาผู้ผลิ ตจากต่างประเทศ ซึ่งอาจจะเป็นผลดีต่ อภาระงบประมาณในระยะสั้น เนื่องจากรัฐจะได้ผลิตภัณฑ์ที่ ราคาต่ำกว่าจากการแข่งขัน แต่ในระยะยาวผู้ผลิตไทยจะไม่ สามารถคงอยู่ในตลาดยาได้ เนื่องจากขีดความสามารถในการแข่ งขันจะด้อยกว่าบริษัทข้ามชาติ และการขายให้ภาครัฐยังคงเป็ นตลาดหลักของผู้ผลิตไทย ถึงที่สุดประเทศไทยจะต้องพึ่ งพาการนำเข้า ขาดความมั่นคงทางระบบยาและสุ ขภาพ นอกจากนี้ การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะทางเทคนิ คต้องใช้มาตรฐานระหว่างประเทศ และมาตรฐานระดับประเทศเท่านั้น
บทที่ 26 ความโปร่งใสและการต่อต้านคอรั ปชั่นและภาคผนวก
- จะเพิ่มขั้ นตอนภาระงานและงบประมาณ
6. จะไม่มีการรายงานผลการประเมิ นของสภาเกษตรกรแห่งชาติที่ชี้ว่ า TPP จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่ อยและต่อทรัพยากรชี วภาพของประเทศอย่างร้ายแรง ดังนี้
- การเข้าร่วม TPP จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่เลี้ ยงสุกรประมาณ 190,000 ครัวเรือน (โดยในจำนวนนี้ประมาณ 95% เป็นเกษตรกรรายย่อย เลี้ยงสุกรประมาณ 1-50 ตัว) และเกษตรกรที่เลี้ยงไก่ประมาณ 32,000 ครอบครัว (โดยมีผู้เลี้ยงที่มีจำนวนไก่ ไม่เกิน 10,000 ตัวคิดเป็น 90.4% ของผู้เลี้ยงไก่ทั้งหมด) การเข้าร่วม TPP จึงจะส่งผลกระทบต่ออาชี พของเกษตรกรรายย่อยและความมั่ นคงทางอาหารของประเทศในระยะยาว
- ผลกระทบต่อเกษตรกรที่ปลูกพื ชอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด และมันสำปะหลัง การเข้าร่วม TPP โดยลดภาษีการนำเข้าข้าวโพด เป็นผลประโยชน์ต่ออุ ตสาหกรรมอาหารสัตว์ และผู้เลี้ยงไก่เนื้อรายใหญ่ไม่ กี่บริษัทที่จะได้ประโยชน์จากวั ตถุดิบอาหาร สัตว์ราคาถูก แต่จะกระทบกับเกษตรกรที่ปลูกข้ าวโพดมากกว่า 410,000 ครัวเรือน และจะส่งผลกระทบต่อ เนื่องไปยังเกษตรกรที่ปลูกพื ชอาหารสัตว์ประเภทอื่นๆด้ วยนอกเหนือจากข้าวโพด โดยหากผลกระทบต่อผู้เลี้ยงสัตว์ รายย่อยต้องเปลี่ยนอาชีพหรื อลดจำนวนการ เลี้ยงสัตว์ลง จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยั งเกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลั งจำนวนกว่า 470,000 ครัวเรือน
- ประเทศไทย จะได้รับผลกระทบต่อความตกลงนี้ ทั้งนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้ นอาจรวมไปถึงการต้องยอมรับผลิ ตภัณฑ์ที่มีการปน เปื้อนทางพันธุกรรม อุปสรรคในการติดฉลากสินค้าดั ดแปลงพันธุกรรม และอาจรวมไปถึงการถูกกดดันให้ต้ องยอมรับการปลูกพืชจีเอ็ มโอในอนาคต
- จากการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิ จ โดยรายงานการศึกษาที่สนับสนุ นโดยสำนักงานคณะกรรมการสุ ขภาพแห่งชาติ (สช.) พบว่า ผลกระทบของระบบกฎหมายทรัพย์สิ นทางปัญญาตามมาตรฐานของสหรั ฐฯจะทำให้ เกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ มีราคาแพงเพิ่มขึ้น จาก 28,542 ล้านบาท/ปี เป็น 80,721-142,932 หรือเพิ่มขึ้น 52,179-114,390 ล้านบาท/ปี, การสูญเสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิ จจากการไม่ได้รับการแบ่งปั นผลประโยชน์จาก ทรัพยากรชีวภาพ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 10,740 – 48,928 ล้านบาท/ปี, ผลกระทบระยะยาวจากการถูกกีดกั นการพัฒนายาสมัยใหม่สมัยใหม่ที่ มาจากสมุนไพรซึ่งคิดเป็นมูลค่ าประมาณ 59,798 ล้านบาท/ปี รวมมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจคิ ดเป็นมูลค่า 122,717-223,116 ล้านบาท/ปี ทั้งนี้โดยไม่จำเป็นต้องกล่าวถึ งผลกระทบต่อความมั่ นคงทางอาหารและการสูญเสีย อธิปไตยเหนือทรัพยากรซึ่งไม่ อาจประเมินมูลค่าได้
7. จะไม่มีรายงานการศึกษาถึ งผลกระทบจากการคุ้มครองการลงทุ นของนักลงทุนต่างชาติผ่ านกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรั ฐและเอกชน (ISDS) แม้ว่า นี่มีแนวโน้มจะเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะนัยยะต่ อการกำหนดนโยบายสาธารณะของรัฐ และจะไม่มีการรายงานถึงการที่ TPP บังคับให้ไทยเป็นภาคี ICSID ที่คำตัดสินของอนุญาโตตุลาการที ่รัฐไทยไม่สามารถนำกลับมาพิ จารณาในระบบยุติธรรมของไทยได้ จะส่งผลเสียหายอย่างไร
8. กระทรวงพาณิชย์จะรายงาน ต่อ กนศ.ว่า ถึงไม่เข้าประเทศไทยก็ต้องปรั บตัวด้านกฎหมายและระเบียบต่ างๆเพิ่มเพิ่มขีดการแข่งขัน แต่จะไม่รายงานว่า ตามคำเรียกร้องของชาติ มหาอำนาจต่างๆใน TPP บีบบังคับให้ไทยแก้กฎหมาย ประกาศและระเบียบต่างๆ ทั้งที่ยังไม่ได้เข้าร่วมเจรจา อาทิ พรบ.สิทธิบัตร, พรบ.คุ้มครองพันธุ์พืชใหม่, พรบ.จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ, ประกาศควบคุมการนำเข้าเนื้ อจากประเทศที่มีความเสี่ยงโรควั วบ้า, การเปิดตลาดเนื้อสุกรที่ พบสารเร่งเนื้อแดง, การยกเลิกมาตราฉลากภาพควบคุ มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ยกเลิกการแก้ไข ร่างพรบ.ควบคุมการส่งเสริ มการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็ กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งล้วนแต่บ่อนทำลายภาคเกษตร ภูมิปัญญาท้องถิ่น และระบบการคุ้มครองผู้บริ โภคและการสาธารณสุขไทย
9. กระทรวงพาณิชย์จะรายงาน ต่อ กนศ.ว่า ได้ไปจัดรับฟังความคิดเห็นในภู มิภาคต่างๆแล้ว แต่จะไม่ได้รายงานว่า เป็นการจัดรับฟังความคิดเห็นที่ ไม่มีการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนกั บผู้เข้าร่วม
ทั้งนี้กลุ่มศึกษาข้ อตกลงเขตการค้าเสรี ภาคประชาชนและภาคประชาสังคมที่ ติดตามเรื่ องผลกระทบจากการเจรจาการค้ าระหว่างประเทศ ขอให้สาธารณชนร่วมกั บตรวจสอบการกำหนดนโยบายเศรษฐกิ จของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่พึงกระตุ้นและสร้างความเชื่ อมั่นเทียมเพื่อหวังผลในเชิงจิ ตวิทยา, ไม่พึงใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ งในการตัดสินใจเรื่องที่มีผลผู กพันกับประชาชนคนไทยชั่วลูกชั่ วหลาน แต่ต้องตัดสินใจด้วยเหตุ และผลบนข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง สมดุล และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่ วนอย่างแท้จริง
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น