คนรุ่นใหม่ ขอศาล รธน. เห็นเสรีภาพประชาชนเป็นสำคัญ จี้รับคำร้อง พ.ร.บ.ประชามติ
Posted: 02 Jun 2016 12:48 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
เครือข่ายคนรุ่นใหม่ ออกแถลงการณ์ขอศาลรัฐธรรมนูญรั บพิจจารณา คำร้องเรื่อง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสี ยงประชามติ ของผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมขอให้ผู้มีอำนาจบังคับใช้ กฎหมายยุติการใช้กฎหมายดังกล่ าวจนกว่าการพิจจารณาแล้วเสร็จ
2 มิ.ย. 2559 หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมา ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาคำร้ องของ จอน อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการโครงการอินเตอร์เน็ ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ที่ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่ งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉั ยว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสี ยงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 61 วรรคสอง ,สามและสี่ ขัดรัฐธรรมนูญ 2557 (ฉบับชั่วคราว) หรือไม่ ซึ่งในที่สุดมีมติเอกฉันท์ว่า มาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ประชามติมีปัญหาความชอบด้ วยรัฐธรรมนูญ ส่วนข้อความในมาตรา 61 วรรคสาม และวรรคสี่ นั้นที่ประชุมเห็นว่าเป็นเรื่ องของบทกำหนดโทษ ซึ่งเป็นดุลพินิจของผู้ ออกกฎหมาย และเป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิ จารณา และเตรียมการส่งเรื่องให้ศาลรั ฐธรรมนูญภายในสัปดาห์นี้
ต่อกรณีดังกล่าว กลุ่มเยาวชนนักกิจกรรม ซึ่งรวมตัวกันในนามเครือข่ ายคนรุ่นใหม่ได้ออกแถลงการณ์ โดยมีใจความว่า ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญรับพิจจารณา คำร้องเรื่อง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสี ยงประชามติ ของผู้ตรวจการแผ่นดิน บนข้อเท็จจริงและหลั กการทางกฎหมายโดยคำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพของประชาชนเป็นสำคัญ และขอให้ผู้มีอำนาจบังคับใช้ กฎหมายยุติการใช้กฎหมายฉบับดั งกล่าวที่ยังเป็นปัญหาและอยู่ ในกระบวนการพิจารณา รวมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่รัฐยุติ การใช้คำสั่งหรือกฎหมายอื่นซึ่ งจะขัดขวางการแสดงออกและการส่ วนร่วมอย่างเต็มทีของประชาชน เพื่อสร้ างบรรยากาศในการลงประชามติอย่ างเป็นประชาธิปไตยและบริสุทธิ์ ยุติธรรม
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 11.00น. กลุ่มเสียงจากคนหนุ่มสาว นำโดยนันทพงศ์ ปานมาศ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้เข้ายื่นหนังสือถึ งประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต) เพื่อเรียกร้องให้กกต.เปิดพื้ นที่ในการแสดงความเห็นเกี่ยวกั บร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีตัวแทนจากกกต.มารับหนังสือ
เนื้อหาสำคัญที่ทางกลุ่มเรียกร้ องได้แก่ ขอให้กกต.แก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 เพื่อให้ประชนได้แสดงความเห็นต่ อรธน. ขอให้กกต.กำหนดกรอบให้ชัดเจนว่ าประชาชนมีสิทธิเสรี ภาพในการแสดงออกและความคิดเห็ นได้มากน้อยเพียงใดสำหรั บการทำประชามติครั้งนี้ และการอภิปรายแสดงความเห็นต่ อรธน.ไม่ควรผูกขาดอยู่กับ สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ องค์กรสื่อ ควรให้ทุกภาคส่วนดำเนินการได้ เท่าเทียมกัน และขอให้เปิดพื้นที่สื่อโทรทั ศน์สำหรับผู้ที่เห็นต่างจากรั ฐธรรมนูญนี้ด้วย นอกจากนี้ทางกลุ่มขอเชิ ญชวนประชาชน นักศึกษาและผู้ที่สนใจเข้าร่ วมงานเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็ นเกี่ยวกับการทำประชามติ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ด้วย
00000
แถลงการณ์ขอให้มีการรณรงค์ การออกเสียงประชามติอย่างเสรี
ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการประกาศให้จัดออกเสี ยงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. .... ในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 เพื่อให้ประชาชนชาวไทยผู้เป็ นเจ้าของประเทศแสดงเจตจำนงต่อร่ างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่าจะเห็ นชอบหรือไม่ ซึ่งกระบวนการออกเสียงประชามติ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้ องเปิดให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้ ามามีส่วนร่วมกันอย่างเสมอหน้า อย่างไรก็ตามนับแต่คณะรั กษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าบริหารประเทศ ปรากฏว่าการดำเนินกิจกรรมเกี่ ยวกับการร่างรัฐธรรมนู ญของประชาชนหลายกิจกรรมถู กแทรกแซงโดยเจ้าหน้ารัฐ โดยอ้างถึงคำส่งหัวหน้า คสช ฉบับ 3/2558 และ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 เพื่อจำกัดสิทธิเสรี ภาพในการแสดงออกของประชาชน
นอกจากนี้ หลังการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนู ญฉบับลงประชามติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เห็นชอบ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสี ยงประชามติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ซึ่งมีเนื้อหาในการจำกัดสิทธิ เสรีภาพของประชาชนอีกหนึ่งฉบับ โดยเฉพาะมาตรา 61 วรรคสอง ที่บัญญัติถึงการกระทำอันเป็ นความผิดโดยใช้ถ้อยคำที่กว้ างและคลุมเครือ เช่นคำว่า "รุนแรง" "ก้าวร้าว" "ปลุกระดม" ซึ่งเป็นคำที่ไม่เคยมีนิยามอยู่ ในกฎหมายฉบับใดมาก่อน ทำให้ประชาชนอาจสับสนและไม่ อาจแน่ใจได้ว่าการแสดงออกอย่ างใดจะผิดหรือไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลต่อสิทธิเสรี ภาพของประชาชนอย่างยิ่ง และยิ่งทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบั บนี้มีความชอบธรรมน้อยลงไปอีก เพราะขาดการมีส่วนร่ วมจากประชาชน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2559 นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงว่า ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินมี มติเอกฉันท์ว่า มาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ประชามติมีปัญหาความชอบด้ วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเนื้อหามีความไม่ชั ดเจนและคลุมเครือ ซึ่งจะนำไปสู่ความสั บสนของประชาชน ทำให้ประชาชนไม่กล้าแสดงความคิ ดเห็น และอาจทำให้การปฏิบัติของเจ้ าหน้าที่เป็นการดำเนินการโดยใช้ ดุลพินิจของปัจเจกบุคคล จนทำให้กระทบสิทธิและเสรี ภาพของประชาชนในระบอบประชาธิ ปไตย ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินจะส่งเรื่ องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าขั ดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ในสัปดาห์ หน้า
เพื่อให้การออกเสียงประชามติเป็ นการแสดงเจตจำนงตามหลักสิทธิ และเสรีภาพขั้นพื้ นฐานในการแสดงความคิดเห็ นของประชาชนผู้เป็นเจ้ าของประเทศ เราในนามของเครือข่ายคนรุ่นใหม่ ห่วงใยการลงประชามติ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้ องเรื่อง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสี ยงประชามติ ของผู้ตรวจการแผ่นดิน บนข้อเท็จจริงและหลั กการทางกฎหมายโดยคำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพของประชาชนเป็นสำคัญ และขอให้ผู้มีอำนาจบังคับใช้ กฎหมายยุติการใช้กฎหมายฉบับดั งกล่าวที่ยังเป็นปัญหาและอยู่ ในกระบวนการพิจารณา รวมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่รัฐยุติ การใช้คำสั่งหรือกฎหมายอื่นซึ่ งจะขัดขวางการแสดงออกและการส่ วนร่วมอย่างเต็มทีของประชาชน เพื่อสร้ างบรรยากาศในการลงประชามติอย่ างเป็นประชาธิปไตยและบริสุทธิ์ ยุติธรรม สุดท้ายในช่วงระยะเวลาก่อนถึงวั นออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนู ญทางเครือข่ายขอเชิ ญชวนประชาชนทุกกลุ่มไม่ว่าจะเห็ นชอบหรือไม่เห็นชอบกับร่างรั ฐธรรมนูญ ออกมารณรงค์และแสดงความคิดเห็ นต่อร่างรัฐธรรมนูญอย่างเสรี และเสมอภาคกัน
1 มิถุนายน 2559
เครือข่ายคนรุ่นใหม่
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น